[Trip] ตามล่าลอดช่องสิงคโปร์ : วันที่ 1

สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกแล้ว หลังจากห่างหายไปนานตั้งแต่โดนน้ำท่วมที่วังเวียงเมื่อปี 2015 ก็ไม่ได้อัปบล็อกเกี่ยวกับการเที่ยวอีกเลย จริง ๆ ก็ยังมีทริปอยู่นะ อย่างปีที่แล้ว เดือนกุมภาไปภูลมโล เมษาไประนอง พฤศจิไปลันตา หรือต้นปีนี้ก็ไปอ่างเก็บน้ำลำอีซู แต่ขี้เกียจเขียนบล็อกเลยไม่ได้เขียน มาทริปนี้ ออกนอกประเทศจริง ๆ จัง ๆ ครั้งแรก(ตอนไปลาวไม่นับว่าไปเที่ยว…เพราะยังไม่ทันได้เที่ยว ก็โดนน้ำท่วมซะก่อน)เลยขอบันทึกไว้หน่อยดีกว่า

ที่มาและความสำคัญ

เนื่องด้วย(จะขึ้นต้นประโยคแบบนี้จริงดิ)เพื่อนที่ร่วมชะตากรรมโดนน้ำท่วมที่วังเวียงมันอยากเที่ยวต่างประเทศ มันมาชวนตอนช่วงปลาย ๆ เมษา บอกว่าอยากเที่ยวช่วงกลาง ๆ พฤษภา ผมเลยชวนแก๊งใจง่ายคนอื่น ๆ สรุปได้วันที่ว่างตรงกันคือ 20-23 พฤษภา มีเวลาเตรียมตัวไม่นานเท่าไหร่ แต่เพื่อนมันอยากเที่ยวก็ต้องสนองความต้องการมันหน่อย

การเตรียมตัว

หลังจากได้สมาชิกร่วมทริปก็ต้องเตรียมตัวกัน โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดของการเที่ยวต่างประเทศคือ…ตั๋วเครื่องบิน ถ้าเราไม่นั่งเครื่องบินไปอาจต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเดินทาง

เมื่อเราได้วันที่จะเดินทางกันแล้วเราก็รีบจองตั๋วเครื่องบิน สำหรับขาไป ตอนแรกเราเล็งไฟลท์ 7.10 น. ขึ้นจากดอนเมือง ของ Airasia จะได้ไปถึงเช้า ๆ แล้วไปเที่ยวเล่นกันเต็มที่ แต่เนื่องจากมัวโอ้เอ้กันอยู่เลยจองไม่ทันราคาขึ้นก่อน เราเลยเปลี่ยนไปเอาไฟลท์ 8.40 น. ของ Tigerair แทน แต่…ต้องขึ้นที่สุวรรณภูมิ ส่วนขากลับก็เล็งไฟลท์ 20.40 น.(เวลาสิงคโปร์) เพราะเป็นเวลาที่ไม่เร็วเกินไปและไม่ดึกมาก เลยเอาไฟลท์นี้

สิ่งที่สำคัญลำดับถัดมา…พาสปอร์ต หลังจากโดนน้ำท่วมก็ไม่ได้ทำอะไรกับพาสปอร์ตอีกเลย จริง ๆ จะเอามาใช้ต่อก็ได้นะ แต่มันย่น ๆ แล้ว เลยทำใหม่ดีกว่า ซึ่งหลังจากที่ตกลงปลงใจกับเพื่อนว่าจะไปเที่ยวผมก็รีบไปทำใหม่ทันที และที่สำคัญ…ต้องเอาเล่มเก่าไปแจ้งยกเลิกด้วย

รายการสถานที่ที่จะเที่ยว…อันนี้ไม่ยาก เพราะมีเพื่อนที่เคยไปเที่ยวทำแผนไว้แบบละเอียดเวอร์ เราเลยขอเอามาลอก + ปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับพวกเรามากขึ้น นั่นคือ…เพิ่มเวลาทุกที่ที่เราจะไปคูณ 3 จากเวลาปกติที่ชาวบ้านใช้เที่ยวกัน เพราะกว่าจะถ่ายรูปแต่ละที่เสร็จ ใช้เวลานานมากกกกกกก จนบางทีก็สงสารไอ้คนริเริ่มทริป เพราะมันไม่ได้ถ่ายรูป แต่ไอ้ผู้ร่วมทริปอีก 3 คนมันชอบถ่ายรูป

หลังจากลิสท์สถานที่ที่จะเที่ยวแล้ว มันจะมีบางที่ที่ต้องเสียเงินซื้อตั๋วเข้าชม แล้วอยู่สิงคโปร์นี่(อ้าวเฮ้ย เขียนมาตั้งนาน ยังไม่ได้บอกเลย ว่าจะไปเที่ยวสิงคโปร์กัน)ถ้าซื้อตั๋วกับเอเจนซี่จะได้ราคาถูกกว่าพอสมควร โดยเอเจนซี่เจ้าฮิตของสิงคโปร์คือ Sea Wheel ซึ่งร้านจะตั้งอยู่แถว ๆ ไชน่าทาวน์….แต่ครับแต่…ตอนนี้มีสาขาในไทยแล้วครับ สามารถติดต่อไปซื้อตั๋วได้เลย โดยเขาจะส่งเป็น E-Ticket มาให้ทางอีเมล เราสามารถปรินท์แล้วเอาไปยื่นที่ประตูทางเข้าได้เลย ไม่ต้องไปแลกตั๋วอีกที ซึ่งครั้งนี้พวกเราซื้อแค่ตั๋วของ Universal Studio Singapore กับ S.E.A. Aquarium ซึ่ง…ถ้าซื้อ 2 อย่างนี้พร้อมกัน มีโปรโมชันลดราคาด้วยนะครับ

อินเตอร์เน็ท จริง ๆ ถ้าไม่ได้เป็นคนติดโซเชียลอะไรมาก ก็ไม่ต้องเสาะแสวงหาซิมการ์ดหรือ Pocket WIFI ก็ได้ ใช้แต่เน็ทของที่พัก หรืออินเตอร์เน็ทฟรีตามที่ต่าง ๆ ก็พอ แต่ผมเห็นว่าซิมของสิงคโปร์ไม่ได้แพงอะไรมาก แค่สามร้อยนิด ๆ ได้เน็ทเยอะพอสมควร บวกกับมีเน็ทไว้ใช้เวลาหลงทาง หรือหาข้อมูลอะไรไว้บ้างก็ดี เลยตัดสินใจซื้อมา หลังจบทริปปล้วเน็ทยังเหลืออยู่เยอะมาก ใช้ไปแค่นิดเดียว ทั้ง ๆ ที่เปิด Hotspot แชร์กับเพื่อนแล้วก็ตาม โดยซิมนี้สามารถสั่งซื้อได้จากที่ไทย แล้วเอาใบสั่งซื้อ ไปแลกซิมได้ที่สนามบิน Changi ได้เลย

อุปกรณ์ถ่ายรูป ถามว่า อันนี้จำเป็นต้องเตรียมด้วยหรอ…สำหรับผมต้องเตรียมครับ เริ่มที่ขาตั้งกล้อง จริง ๆ ผมมีขาตั้งอันนึงอยู่แล้ว ของ Sirui รุ่นอะไรจำไม่ได้ จำได้แต่ว่าเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งมันมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ไม่สามารถยัดกระเป๋าได้ เกรงว่าเขาจะไม่ให้ขึ้นเครื่อง เลยต้องไปซื้อขาตั้งของ Fotopro อันที่มีขนาดเล็กลงมาใช้ (ตอนแรกเล็ง Manfrotto Be Free แต่เนื่องด้วยราคาแล้ว ขอเป็นตัวที่มีคุณภาพรองลงมาละกัน)

บางที่เราไม่สามารถใช้ขาตั้งได้ แต่ผมอยากได้ภาพที่ดูดี ไม่มีการสั่นไหว จะให้ไปวางกับพื้น หรือกระเป๋ากล้อง มันก็ลำบากในการจัดองค์ประกอบภาพ ผมเลยตัดสินใจซื้อขาตั้งอันเล็ก ๆ อีกอัน ตอนแรกเล็ง Manfrotto Pixi Evo ไว้ แต่ไปเห็นว่า มันมีขาตั้งหนวดปลาหมึก Joby Gorilla Pod ซึ่งสามารถเอาขาไปรัดกับราวเหล็กได้ด้วย อันนี้น่าสนกว่า เลยจัดมาลองเล่นดู (มันมีหลายรุ่น หลายขนาด ถ้าใครคิดจะซื้อมาใช้ ถามกับคนขายให้ดีก่อนนะครับ ว่าใช้กับกล้องเราได้มั้ย เดี๋ยวเอามาใส่แล้วมันเอาไม่อยู่ หน้าคว่ำ เลนส์กระแทกพื้น แล้วจะหาว่าไม่เตือนนะครับ)

นอกจากนี้ เนื่องด้วยสิงคโปร์เป็นเมืองที่เหมาะกับการถ่าย Cityscape ยิ่งนัก แล้วผมก็เล็งเลนส์ไวด์ไว้นานแสนนาน หาข้ออ้างที่จะเสียเงินซื้อไม่ได้สักที คราวนี้เลยได้ฤกษ์จัดเลนส์ไวด์มาใช้สักตัว หวยไปตกที่ Samyang 12 F 2 จริง ๆ ตัวนี้เคยไปลองเล่นเมื่อนานมาแล้ว แต่ตอนนั้นไม่ชอบ เพราะมันเป็นเลนส์มือหมุน แล้ววงแหวนโฟกัสหมุนยาก มันค่อนข้างหนืด ตอนนั้นเลยไม่ได้ซื้อ จะซื้อเลนส์ไวด์ของค่ายราคาก็แพงเหลือเกิน(ผมใช้กล้องของ SONY ครับ) แต่พอคิดไปคิดมา เลนส์ไวด์มันเอาไว้ใช้ถ่ายวิว ถ่ายบ้านเมือง มันไม่ต้องโฟกัสเร็ว มันค่อย ๆ เล็งก็ได้ ตัวแบบมันไม่ได้หนีไปไหน ประกอบกับดูตามรีวิว ส่วนใหญ่จะบอกว่าเลนส์ตัวนี้คุณภาพคุ้มราคา ก็เลยตัดสินใจซื้อเลนส์นี้

เงินสกุลดอลลาร์สิงคโปร์…หลังจากศึกษาอยู่ 2-3 วัน พบว่า แลกกับร้านที่รับแลกเงินจะได้เรทดีกว่าธนาคาร และร้านแลกเงินชื่อเดียวกันแต่คนละสีบางทีก็เรทต่างกัน ไม่พอแม้ว่าจะสีเดียวกันแต่คนละสาขาเรทก็อาจจะต่างกันอีกด้วย แต่เท่าที่ดู SGD มันต่างกันไม่เท่าไหร่ ผมเลยแลกที่สาขาที่อยู่ใกล้ ๆ หอผม (เท่าที่ดู แลกวันศุกร์ จะได้เรทที่ดีกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ดูแนวโน้มได้จากเว็บของร้านก่อนตัดสินใจอีกทีละกันนะครับ)

ที่พัก…ที่สิงคโปร์มีที่พักเยอะครับ แต่เพื่อความชัวร์ และไม่อยากเสียเวลาไปเดินหา เราเลยหาและจองที่พักทางออนไลน์ กับ Traveloka ซึ่งคราวนี้เราเลือกพักกันที่  5footway.inn Project Chinatown 1 ครับ (สามารถจองได้จากที่นี่เลยครับ > https://www.traveloka.com/th-th/hotel/singapore/5footwayinn-project-chinatown-1-281543 ) เพราะมันอยู่ใกล้กับสถานี MRT ดี เดินทางได้สะดวกครับ แต่จะสะดวกจริงมั้ย เดี๋ยวว่ากันอีกที

ประกันภัย…จากประสบการณ์เที่ยวต่างประเทศครั้งที่แล้ว บวกกับได้ยินประสบการณ์ที่เพื่อนกระเป๋าหายตอนไปเที่ยวต่างประเทศ ครั้งนี้เลยขอทำประกันไว้หน่อย เลือกอันที่ครอบคลุมถึงกรณีข้าวของเสียหายด้วย ถึงไม่ได้ใช้ก็ไม่เป็นไร แต่มีไว้ก็อุ่นใจดี เพราะราคาก็ไม่แพงด้วย

เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้วก็….

ออกเดินทาง

ก่อนอื่นขอสรุปคร่าว ๆ ก่อนว่าแต่ละวันไปเที่ยวที่ไหนบ้าง ก่อนจะลงรายละเอียดแต่ละที่นะครับ

วันที่ 1

  • 5footway.inn Project Chinatown 1
  • Orchard
  • Marina Barrage
  • Supertree Grove
  • Satay By The Bay
  • The Shoppes At Marina Bay Sands

 

วันที่ 2

  • ArtScience Museum
  • Orchard
  • Takashimaya S.C.
  • Marina Bay Sands
  • The Helix Bridge
  • Esplanade Mall
  • Merlion

 

วันที่ 3

  • Fort Canning Park
  • Universal Studio Singapore
  • S.E.A. Aquarium
  • Crane Dance

 

วันที่ 4

  • Henderson Waves
  • Forest Walk
  • Alexandra Arch
  • Chinatown Point
  • Mustafa Centre

 

เริ่มกันเลยดีกว่า

20 พฤษภาคม 2560

เนื่องด้วยไฟลท์ของเราออกจากสุวรรณภูมิตอน 8.40 น. แล้วเกทปิด 45 นาทีก่อนเครื่องขึ้น และเราก็ต้องเผื่อเวลาในการเช็คอินและเข้าด่านตรวจคนเข้าเมือง เราเลยนัดกัน 6.00 น. ที่แอร์พอร์ทลิงค์พญาไท

หลังจากใช้เวลาเกือบชั่วโมง ก็เดินทางมาถึงสนามบินสุวันนะบะฮูมิ เอ่อ…สุวรรณภูมินั่นแหละ ก็รีบเดินไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์ของ Tigerair จากนั้นก็ไปที่ ตม. ดีที่คนไม่เยอะเลยใช้เวลาไม่นานทำให้มีเวลาหาของกินก่อนขึ้นเครื่อง

ตัดภาพมาตอนอยู่บนเครื่อง แอร์โฮสเตทก็แจกใบ ตม. ให้กรอก หลังจากกรอกเสร็จก็หลับกันรัว ๆ รู้ตัวอีกที ก็จะถึงสิงคโปร์กันแล้ว

เมื่อลงจากเครื่อง เราก็ต้องเดินกันไกลมาก (แต่ระหว่างทางที่เดินไป เจริญหูเจริญตากว่าที่ดอนเมืองเยอะเลย) เมื่อถึงด่าน ตม. ก็ยื่นพาสปอร์ตพร้อมกับใบ ตม. เจ้าหน้าที่ก็แค่มองหน้า ปั๊มพาสปอร์ต แล้วก็ปล่อยผ่าน…ไม่ถงไม่ถามสุขภาพซ้ากกกกกกคำ

จากนั้นก็หาข้าวเที่ยงกินกัน เดิน ๆ หาข้าวกินที่สนามบิน Changi มีร้านอาหารเยอะมาก แต่งวดนี้เพื่อนเล็งร้าน Yakun Kaya Toast ไว้ตั้งแต่ก่อนมา เมื่อเดินผ่านร้านนี้มีหรือที่จะไม่พลาด ผมสั่งบะหมี่ไก่แกงกะหรี่กิน อร่อยดีครับรสชาติคล้าย ๆ กับน้ำเงี้ยวบ้านเรา แล้วข้าง ๆ กันก็มีร้าน Beard Papa อยู่ โบราณเขาถือว่า กินคาวไม่กินหวานสันดานคนผอม เอ๊ย สันดานไพร่ เราเลยจัดไปคนละชิ้นสองชิ้น (ไส้ทุเรียนเด็ดมาก มีเนื้อทุเรียนผสมด้วย แต่สำหรับคนไม่ชอบทุเรียน คงจะเกลียดน่าดู)

หลังจากกินอิ่ม หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน (เดี๋ยว ๆๆ ก่อนหน้านี้นอนมาเกือบทั้งไฟลท์ยังไม่พออีกรึ) ก็เดินทางไปที่พักเพื่อเช็คอิน ซึ่งที่พักของเราคือ 5footway.inn Project Chinatown 1 อยู่ใกล้ ๆ สถานี MRT Chinatown มากกกก แต่ใน Google Maps มันปักหมุดไว้ที่ Project Chinatown 2 โดนหลอกให้เดินไปตั้งไกล เดินกลับมาก็ยังหาไม่เจอ เพราะมันอยู่หลังร้านขายมือถือ ต้องส่องดูดี ๆ ถึงเจอครับ สำหรับใครจองที่พักของ 5footway.inn ไว้ ดูแผนที่ที่ที่พักให้ไว้ดี ๆ นะครับ เพราะมันมีหลาย Project เหลือเกิน แล้วแต่ละ Project ก็อยู่ใกล้กันมาก ถ้าหวัง Google Maps อย่างเดียว หลงแน่นอน

ห้องที่เราจองไว้เป็นห้องส่วนตัว 4 เตียงครับ ห้องเล็ก ๆ แค่ไว้ซุกหัวนอน(และชาร์จแบตอุปกรณ์ต่าง ๆ )เท่านั้น ห้องน้ำที่นี่เป็นห้องน้ำรวมครับ และที่เตียงทุกเตียงจะมีปลั๊กให้เตียงละรูเท่านั้น ใครมีอุปกรณ์ที่ต้องชาร์จไฟหลายชิ้น กรุณาเตรียมปลั๊กสามตาและหัวแปลงมาด้วยนะครับ แต่ถ้าไม่ได้เตรียมมาไม่เป็นไร ที่พักมีให้ยืม อีกอย่าง…ที่นี่เขาแจกซิมให้คนละอันด้วยครับ มีเน็ทให้ซิมละ 100 MB ถ้าอยากได้เพิ่มก็เติมเงินแล้วซื้อเน็ทเพิ่มเอาเองนะครับ (ที่นี่ WIFI แรงอยู่นะ แต่ไม่ถึงห้องเราซะงั้น)

หลังจากเก็บของเสร็จ เราก็เดินทางไปย่าน Orchard เพื่อช็อปปิ้งตามความตั้งใจของเพื่อนที่ได้รับออร์เดอร์มาจากสาว ๆ เราก็ทิ้งให้เพื่อนซื้อของของมันที่ ION Orchard ผมก็ไปหาซื้อของของผมบ้าง ในครั้งนี้ผมเล็งกระเป๋ากล้องของ Thule รุ่น Perspektiv Compact Sling ครับ ก่อนมาก็หาข้อมูลว่ามันมีขายอยู่ที่ร้าน Planet Traveler ครับ ในเว็บของ Thule มันบอกว่ามีสาขาที่ ION Orchard แต่พอหาดูจริง ๆ มันปิดไปแล้วแฮะ เลยต้องเดินไปที่ Paragon แทน แต่ถ้า Paragon ยังไม่มี คงต้องเดินต่อไปที่ Siam Center แล้วก็ Siam Discovery (เดี๋ยว ๆๆๆๆๆ)

ระหว่างทางก็เห็นร้านไอติมลุงขายเต็มเลย ไอติมลุงก็ประมาณไอติมแซนด์วิช เป็นไอติมตัดแล้วก็ประกบด้วยขนมปัง ไม่ได้ถ่ายรูปมานะครับแต่สามารถหาดูได้ด้วยการเสิร์ชด้วยคำว่า “ไอติมลุง สิงคโปร์” ที่เรียกแบบนี้เพราะเกือบทุกร้านคนขายมีแต่ลุง เจอแค่ร้านเดียวที่มีป้าเป็นคนขาย(มาช่วยลุงขาย) แต่ผมไม่มีโอกาสได้กิน เพราะรีบเดินไป Paragon ครับ

พอไปถึงร้าน ก็เดินดูสักรอบนึงก่อน ร้านนี้เป็นร้านที่เหมาะกับนักเดินทางมาก ๆ นอกจากจะมีกระเป๋ามากมายหลายยี่ห้อแล้ว ยังมีอุปกรณ์ของใช้ที่ไว้ใช้เวลาเดินทางอีกด้วย แต่ไม่เห็นกระเป๋ารุ่นที่อยากได้ เลยถามพนักงาน ได้ความว่า รุ่นนี้เขาเลิกผลิตไปแล้ว วอทททททท !?! ถ้าใครรู้ว่าในไทยมีที่ไหนขาย กรุณาชี้เป้าด้วยครับ

เมื่อได้เวลาที่เหมาะสมที่จะต้องไป Marina Barrage แต่เพื่อนผมมันยังช็อปปิ้งยังไม่เสร็จ ถ้ารอให้มันช็อปเสร็จกลัวว่าแสงจะหมดก่อน เลยจำเป็นต้องทิ้งมันไว้ แล้วเราที่เหลือก็เดินทางไป Marina Barrage กัน วิธีเดินทางก็คือนั่ง MRT ไปลงสถานี Marina Bay แล้วก็เดินไปต่อรถเมล์สาย 400 ที่ Marina Bay Financial Ctr ซึ่งอยู่ริมน้ำบริเวณอ่าว Marina Bay ความดีงามของรถเมล์ประเทศนี้คือ สามารถดูเวลาที่รถเมล์จะมาจอดได้ที่ป้ายเลยครับ และที่สำคัญ รถเมล์มาตรงเวลามากกกกกก ไม่ต้องใช้แอปดูตำแหน่งรถเมล์กันเลยทีเดียว (เอ๊ะ !!!) แล้วยังสามารถใช้บัตร EZ Link จ่ายเงินได้อีกด้วย บัตรเดียว ใช้เดินทางได้ทั่วทั้งเกาะเลยนะเออ เอ้อ ลืมบอกไปว่าเราเลือกซื้อบัตร EZ Link แทนบัตร Tourism Pass นะครับ เพราะเท่าที่ดู มันเหมาะกับเรามากกว่า ซื้อบัตรตอนแรก 12 SGD จะมีเงินอยู่ในบัตร 7 SGD เติมเพิ่มอีกแค่ 10 SGD ก็เพียงพอต่อการเที่ยวของเราแล้วครับ (บัตรนี้ซื้อได้ที่สถานี้ MRT ที่สนามบินเลยครับ ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล)

ที่ Marina Barrage คนสิงคโปร์เขามาทำกิจกรรมกลางแจ้งกันเยอะมาก ไม่ว่าจะมาปั่นจักรยาน ออกกำลังกาย หรือนั่งปิคนิค ไม่พอยังมีคนเล่นว่าวอีกด้วย เล่นกันเยอะยังกะสนามหลวงบ้านเราเลย (พูดยังกะเคยไปเห็น…จริง ๆ ได้ยินเขาเล่ามาครับ)

 

เราอยู่ที่ Marina Barrage กันจนค่ำมืดพระอาทิตย์ตกดิน อยู่จนการแสดง Garden Rhapsody ที่ Supertree Grove รอบแรกจบลง จากนั้นเราก็เดินทางไป Supertree Grove กัน น่าแปลกว่า ที่ Marina Barrage นี่เขาไม่มีไฟให้ แต่คนก็ยังอยู่แบบมืด ๆ กันเต็มเหมือนตอนที่ยังไม่มืดเลย

ใช้เวลาเดินไม่นานก็ถึงที่หมาย ซึ่งก็ใกล้ได้เวลาแสดง Garden Rhapsody รอบ 20.40 น. พอดี เราก็แยกย้ายกันหาที่นั่งชมกันตามอัธยาศัย ช่วงที่เราไป การแสดงนี้จะเป็น Star Wars Edition ครับ คือจะใช้เสียง และเพลงจากหนังเรื่อง Star Wars มาใช้ประกอบการแสดง ใครเป็นแฟน Star Wars ห้ามพลาดเด็ดขาด (ในเว็บบอกว่าจะเป็น Star Wars Edition ถึงวันที่ 2 มิถุนา นี้เท่านั้นครับ)

การแสดงนี้สามารถเข้าชมได้ฟรีครับ ใครอยากจะนั่ง จะนอนดูตรงไหนก็ได้ เอาที่สบายใจเลยครับ แต่วันที่ผมไปมีงานอะไรก่อนก็ไม่รู้ ทำให้มีเตนท์กีดขวางการถ่ายรูปอยู่บ้าง

หลังจากจบการแสดง เราก็ไปหาอะไรกินกันครับ แต่ก่อนอื่น ขอแวะซื้อไอติมโคนรสลิ้นจี่ที่ร้าน McDonald’s ก่อนครับ เห็นตั้งแต่ตอนขามาแล้ว แต่กลัวไปชมการแสดงไม่ทันเลยไม่ได้แวะซื้อ (แม็คสาขานี้คนเยอะมาก ต่อคิวกันจนล้นออกมานอกร้านเลยทีเดียว)

จากนั้นเราก็เดินไป SATAY By The Bay ถึงชื่อจะบอกว่าขายสะเต๊ะ แต่จริง ๆ มีอาหารหลายอย่างนอกจากสะเต๊ะนะครับ พวกผมเลยลองจัดหมู+ไก่+เนื้อสะเต๊ะมา 1 จานใหญ่ และ เป็ดย่าง+หมูกรอบ+หมูแดง มาอีกจาน

หลังจากเรากินข้าวเย็นเสร็จแล้ว เราก็ออกเดินทางกันต่อ เราก็เดินมาเรื่อย ๆ จนถึงสะพานแมลงปอ(ตั้งชื่อเอง) หรือ Dragonfly Bridge ก็หยุดถ่ายรูปกันสักครู่ จากตรงนี้ สามารถมองเห็นได้ทั้งตึก Marina Bay Sands, Singapore Flyer แล้วก็ Supertree grove

หลังจากถ่ายรูปกันสักพัก เราก็เดินผ่าน The Shoppes at Marina Bay Sands ก่อนที่จะไปขึ้น MRT ที่สถานี Bayfront เพื่อกลับที่พักของเรา

สำหรับการเดินทางวันแรก ก็จบลงเพียงเท่านี้ ตอนแรกกะว่าจะเขียนยาวรวดเดียว 4 วัน แต่พอเขียน ๆ ไป พบว่ามันยาวเกินไปแฮะ เลยขอตัดแบ่ง Entry ละ 1 วันละกันนะครับ

สำหรับการเดินทางวันอื่น ๆ ตามลิงค์ข้างล่างนี้เลยครับ

วันที่ 2 

วันที่ 3

วันที่ 4

Comments

  1. Pingback: [Trip] ตามล่าลอดช่องสิงคโปร์ : วันที่ 2 – JiJaKuNg

  2. Pingback: [Trip] ตามล่าลอดช่องสิงคโปร์ : วันที่ 4 – JiJaKuNg

  3. Pingback: Singapore 2017 Part 1/2 | Teacher Dougles Chan

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.