[Trip] Singapore 2022 – สิงคโปร์อีกครั้ง ในยุค New Normal

ต้องขอออกตัวก่อนว่า บล็อกนี้ไม่ได้มีการวางแผนไว้ว่าจะเขียนตั้งแต่แรก แต่พอกลับมาสักพักแล้วอยากจะแชร์ประสบการณ์บ้าง ข้อมูลและความรู้สึกอะไรบางอย่างอาจจะไม่ครบถ้วน หลง ๆ ลืม ๆ ไปบ้างนะครับ

ในครั้งนี้จะขอแบ่งข้อมูลเป็นหัวข้อ ดังนี้ครับ

ช่วงเวลา

1 – 4 ตุลาคม 2565

การเดินทาง (ระหว่างประเทศ)

หน้าเว็บของ https://www.ica.gov.sg/

ขาไป Air Asia FD 359 06:10 ดอนเมือง (T1) – 09:35 สิงคโปร์ (T4)

ขากลับ Air Asia FD 352 22:10 สิงคโปร์ (T4) – 23:40 ดอนเมือง (T1)

ค่าตั๋วไปกลับประมาณ 7,500 ถือว่าค่อนข้างแพง เนื่องจากช่วงนั้นมีการแข่ง F1 Singapore Grand Prix ที่งดจัดมา 2 ปี แต่สะดวกที่จะไปแค่ช่วงนี้ เลยไม่มีทางเลือก

เนื่องจากขาไปบิน 06:10 และปกติใช้เวลาเดินทางไปดอนเมืองใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที เลยวางแผนออกเดินทางจากที่พัก 03:00 (เผื่อเวลาไว้ 2-3 ชั่วโมง เผื่อมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น) แต่เวลานั้นแถวที่พักไม่มีแท็กซี่ผ่าน ตอนแรกโทรไปจองแท็กซี่ที่ Taxi Radio (020981681 เบอร์เดิมคือ 1681) แต่เขาบอกว่ารถออกรอบแรก 04:00

เลยเปลี่ยนไปจองผ่านแอปพลิเคชัน Grab ล่วงหน้าหลายวัน และก็มีคนขับกดรับงานเรียบร้อยหลังจากจองไปไม่กี่นาที

พอมาถึงวันเดินทาง ใกล้ ๆ เวลานัดหมาย ประมาณ 15-30 นาที แอปพลิเคชัน Grab ก็ส่ง Notification ให้เตรียมพร้อม และบอกพิกัดของรถที่รับงานไว้ว่าอยู่ไม่ห่างจากที่พักของผมมาก (ประมาณ 2-3 กิโลเมตร)

ประมาณ 02:50 ผมเตรียมตัวเสร็จแต่ก็ยังเห็นพิกัดของรถคันนั้นยังอยู่ที่เดิม ผมก็คิดว่ายังไม่ถึงเวลาพี่เขาเลยยังไม่มา (ว่าแต่ ทำไมไม่รอแถว ๆ ที่ผมปักพิกัดไว้หว่า)

ผมลงมารอที่หน้าตึกถึงเวลานัดแล้วแต่ก็ยังอยู่ที่เดิม เลยโทรไปหา 3 สาย พี่เขาก็ยังไม่รับ เลยตัดสินใจยกเลิกแล้วกดเรียกรถคันใหม่ โชคดีที่ว่าแถว ๆ นั้นยังมีรถของ Grab วิ่งอยู่เลยได้รถไปสนามบินตอนประมาณ 03:25

ที่ Terminal 1 ของดอนเมือง หลังจากตรวจสัมภาระเข้ามาแล้วไม่มี 7-11 นะครับ และเวลาประมาณตี 3 กว่า ๆ มีร้านที่เปิดอยู่ร้านเดียวคือร้าน McDonald (ร้านอื่น ๆ เปิดประมาณตี 5)

การตรวจพาสปอร์ตเร็วมาก ทั้งที่ไทยและสิงคโปร์ (ขอชมเจ้าหน้าที่ตม.ของสิงคโปร์เลยว่าเป็นมิตรกว่าพนักงานเสิร์ฟตามร้านอาหารต่าง ๆ ในสิงคโปร์อีก)

เดี๋ยวนี้การจะเข้าเมืองสิงคโปร์ไม่ต้องเขียนลงใบกระดาษแล้ว สามารถกรอกได้ที่ https://www.ica.gov.sg/ ล่วงหน้าไม่เกิน 3 วันก่อนออกเดินทาง ที่สำคัญสำหรับช่วงนี้ต้องแนบเอกสารการฉีดวัคซีนป้องกันโรโควิด 19 ด้วยนะครับ (ไปกดขอเอกสารอิเล็กทรอนิกก์ได้จากแอปพลิเคชันหมอพร้อม)

ที่ผมเจอมาการเข้าออกสิงคโปร์จะไม่มีการปั๊มพาสปอร์ตแล้วนะครับ แต่จะได้อีเมล Electronic Visit Pass มาแทนเมื่อเราผ่านด่าน ตม. ขาเข้าที่สิงคโปร์

ส่วนขาออกจากสิงคโปร์ก็จะมีเครื่องตรวจพาสปอร์ตอัตโนมัติ ถ้าเราไม่ไปสร้างปัญหาอะไรไว้พอสแกนปุ๊บก็ผ่านปั๊บ ไม่ต้องไปต่อแถวตรวจพาสปอร์ตกับเจ้าหน้าที่

ขากลับประเทศไทย ผมขึ้นเครื่องที่ Terminal 4 ตอนแรกก็กะว่าจะไปซื้อของฝากในสนามบินนั่นแหละ เพราะของข้างในจะถูกกว่าข้างนอกเพราะไม่มีภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ผมไปถึงประมาณเกือบ 20:00 เหลือแค่ไม่กี่ร้านที่เปิดและบางร้านก็กำลังจะปิด (Bee Cheng Hiang ปิด 20:00 ส่วนร้าน Bengawansolo ที่อยู่ข้าง ๆ กัน ปิดดึกกว่าหน่อย ปล.ไปหาข้อมูลมา เขาบอกว่าถ้าไปถึงก่อน 18:00 จะยังมีร้านเปิดเยอะอยู่)

ที่พัก

เราเลือก The Keong Saik Hotel ที่พักขนาดกำลังดี บนถนน Keong Saik ใกล้สถานี MRT Outram Park เดินออกมาทางออก 4 นิดเดียวก็เจอแล้ว

ค่าที่พัก ห้อง Superior 3 คืน ประมาณ 13,198.32 ตกคืนละ 4 พันกว่าบาท อย่างที่บอกข้างต้นว่าช่วงที่ไปเป็นช่วงพีคของสิงคโปร์ที่พักส่วนใหญ่ก็เลยค่อนข้างแพง

ตึกแถวนั้นสวยมาก น่าจะเป็นสถาปัตยกรรมสไตล์ชิโน-โปตุกีส คล้าย ๆ กับที่ภูเก็ต (ถ้าไม่ถูกช่วยท้วงด้วยนะครับ)

จากที่นี่สามารถเดินไปย่าน China Town ได้สบาย ๆ

พนักงานต้อนรับเป็นมิตรพอ ๆ กับ ตม.

จากที่อ่านรีวิวเห็นว่าคนที่ได้ห้องพักฝั่งที่ติดถนนข้างหน้าเขาบอกว่าจะได้ยินเสียงคนที่สัญจรไปมา และได้ยินเสียงเพลงจากผับ บาร์แถวนั้น แต่เราได้ห้องโซนข้างหลังเลยค่อนข้างเงียบสงบดี แต่ด้วยความอยู่ข้าง Sri Layan Sithi Vinayagar Temple ซึ่งเป็นวัดของชาวฮินดู ตอนเช้า ๆ ก็อาจจะได้ยินเสียงเพลงจากการทำพิธีทางศาสนาเบา ๆ ได้

สาเหตุที่เลือกที่นี่คือ ห้องมีหน้าต่าง, ดูสะอาด, ไม่เก่า, อยู่ใกล้สถานี MRT และราคาสมเหตุสมผล

⏰ เช็คอิน ตั้งแต่ 14:00 เช็คเอาต์ ก่อน 12:00 (สามารถฝากสัมภาระหลังเช็คเอาต์ได้)

? การเดินทาง ลง MRT สถานี Outram Park เดินต่ออีกประมาณ 400 เมตร

? พิกัด

อินเทอร์เน็ต

รูปจาก https://www.singtel.com/personal/products-services/mobile/prepaid-plans/hi-tourist-sim-cards/_15-hi_tourist-sim-card

ขาดไม่ได้จริง ๆ ไม่มีคือไปไหนมาไหนไม่ถูก ขนาดมีอินเทอร์เน็ตให้ใช้หาข้อมูลยังหลง

ทริปนี้เราเลือกใช้ซิมการ์ดของ Singtel ราคา 15 SGD (จองจาก KKday ราคา 333 บาท แล้วไปรับที่บูธของ Travelex ที่ Terminal 3 ของสนามบินเท่านั้น !!! )

ที่เลือกซิมนี้เพราะมันเป็นแบบ 2 in 1 คือได้ทั้งซิม (อินเทอร์เน็ต 4G 100GB ใช้ได้ 28 วัน) แล้วก็ยังได้บัตร EZ-Link ด้วย (มีเงินในบัตร 3 SGD ซึ่งเป็นขั้นต่ำที่สามารถใช้งานได้) ไม่ต้องเสียเงินไปซื้อบัตร EZ-Link แยกอีก 5 SGD

สำหรับความเร็วและความแรงของสัญญาณก็อยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ดีไม่มีปัญหาอะไร เจอไม่มีสัญญาณครั้งเดียวตอนต่อแถวรอเล่นเครื่องเล่น Transformers ที่ Universal Studio Singapore แค่นั้น

การเดินทาง (ภายในประเทศ)

Photo by Jiachen Lin on Unsplash

มี EZ-Link ใบเดียวจะไปไหนก็ได้ รถไฟฟ้า(MRT) รถเมล์ได้หมด (เมื่อไหร่ที่ประเทศกรุงเทพจะมีโอกาสได้ใช้บัตรใบเดียวได้แบบนี้บ้างน้อ)

ราคาคิดตามระยะทาง เริ่มต้นไม่เกิน 3.2 กิโลเมตร คิด 0.95 SGD เท่ากันทั้ง MRT และ รถเมล์ แต่ถ้าเป็นรถเมล์ด่วนพิเศษ จะเริ่มต้นที่ 1.55 SGD

แต่ถ้าใช้บริการ MRT ในวันธรรมดา ก่อน 7:45 ค่าโดยสารจะลดลงมาประมาณครึ่งนึง

ทริปนี้ส่วนใหญ่จะเดินทางด้วย MRT แต่มีขึ้นรถเมล์ครั้งนึงจากแถว ๆ สถานี MRT Fort Canning ไปลงแถว ๆ สถานี MRT Dhoby Ghaut บัตรมันตัดเงินไปแค่ 0.10 SGD เองแฮะ…ใครรู้ว่าเป็นเพราะอะไร หลังไมค์มาบอกที

ข้อดีของ MRT คือรอไม่นานแต่ละขบวนห่างกันประมาณไม่เกิน 7 นาที แต่ไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่

ส่วนข้อดีของรถเมล์คือจะครอบคลุมพื้นที่มากกว่า MRT แต่รอนานกว่าหน่อย ประมาณ 15 นาที โดยเฉลี่ย

เงิน

Photo by Jonas Leupe on Unsplash

ตอนนี้ที่สิงคโปร์ค่อนข้างเป็นสังคมไร้เงินสดหลายร้านไม่รับเงินสด แต่ด้วยความไม่รู้เลยไม่ได้เตรียม Travel Card ไว้เลยแต่ยังดีที่มีบัตรเครดิต แต่อัตราแลกเปลี่ยนค่อนข้างแพงเลยทีเดียว เท่าที่เทียบดูจะแพงกว่าร้านรับแลกเงินประมาณ SGD ละ 1 บาทได้

หลายร้านรับชำระเงินผ่าน QR Code ซึ่งที่สิงคโปร์จะเรียกว่า NETS ตอนนี้แอปพลิเคชันธนาคารของไทยมี 3 ธนาคารที่รองรับ ได้แก่ กรุงไทย, กรุงเทพ และกรุงศรีอยุธยา (อ้างอิง)

แต่แลกติดตัวไปส่วนหนึ่งก็ดีครับ เผื่อบางที่เขารับแต่เงินสด

และสำหรับใครที่ยังไม่มีบัตร Travel Card ผมขอเสนอบัตร YouTrip (บัตร YouTrip คืออะไร) สมัครฟรีได้ที่ลิงค์นี้เลย >>> https://youtrip.onelink.me/3xWB/b3i763n4 (แนะนำให้กดบนมือถือนะครับ เพราะมันจะ Redirect ให้เราไปโหลดแอปพลิเคชันเพื่อลงทะเบียน)

ที่เที่ยว

Jewel Changi Airport

ขอเริ่มด้วยห้างสรรพสินค้าที่รวบรวมร้านดัง ๆ ของสิงคโปร์ มี HSBC Rain Vortex น้ำตกในร่มที่สูงที่สุดในโลก (ณ ตอนที่เขียน) 40 เมตร สามารถชมได้จากทุกชั้นกระทั่งชั้นใต้ดิน แต่ชั้นใต้ดินจะมีกระจกกั้นไว้อยู่นะครับ

เห็นมีคนบอกว่าน้ำตกไม่ได้เปิดน้ำตลอดเวลา แต่ผมไปถึงประมาณ 10:00 กว่า ๆ ก็เห็นมีน้ำอยู่นะครับ

ส่วนตอนเย็น ก็จะมีการแสดงแสงสีเสียงทุกวัน รายละเอียดอยู่ข้างล่างครับ

ถ้าอยากถ่ายรูปแบบไม่ค่อยมีคนรบกวน แนะนำให้ขึ้นไปชั้น 4-5 แต่เรารู้สึกว่ามันจะใกล้น้ำตกมากไปหน่อย เราชอบชั้น 2-3 มากกว่า

⏰ เปิดทุกวัน 09:00 ถึง 23:00
การแสดงแสงสีเสียง วันจันทร์ – พฤหัส มี 2 รอบ คือ 20:00 และ 21:00
ศุกร์-อาทิตย์ และวันหยุด มี 3 รอบ คือ 20:00, 21:00 และ 22:00

? การเดินทาง จาก Terminal 4 จะมี Shuttle Bus ให้บริการส่งถึงหน้า Jewel Changi Airport ฟรี ส่วน Terminal อื่นสามารถเดินถึงได้เลย มีทางเชื่อมจากทุก Terminal ครับ

? พิกัด

Sultan Mosque

มัสยิดสุลต่านแห่งย่าน Kampong Glam เป็นศูนย์รวมใจของชาวมุสลิมในประเทศสิงคโปร์ สร้างขึ้นเมื่อปี 1824 เพื่ออุทิศให้สุลต่านฮุสเซน ชาห์ (Sultan Hussein Shah) สุลต่านองค์แรกของสิงคโปร์ ที่เห็นในปัจจุบันไม่ใช่ของดั้งเดิม แต่ถูกบูรณะเมื่อปี 1932 หลังจากถูกปล่อยให้ทรุดโทรมเป็นเวลานาน (อ้างอิง)

จุดถ่ายรูปที่คนนิยมไปถ่ายให้เห็นโค้งซุ้มประตูและมีมัสยิดเป็นพื้นหลัง (รูปด้านบน) จะถ่ายจากหน้า Spice Garden

แถว ๆ นั้นก็จะมีที่เที่ยวอีกที่คือ Haji Ln มีร้านค้าเล็ก ๆ เยอะมากกกก ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าแนวแฮนด์เมด แฟชัน เสื้อผ้า ร้านอาหาร คาเฟ่ ให้อารมณ์คล้าย ๆ จตุจักรบ้านเรา ตามข้างตึกก็จะมีกราฟิตี้ให้ถ่ายรูปกันอีกด้วย

⏰ ตัวมัสยิดเปิดทุกวัน
วันเสาร์ – วันพฤหัสเปิดวันละ 2 ช่วงเวลาคือ 10:00 – 12:00 และ 14:00 – 16:00
วันศุกร์เปิด 14:30 – 16:00
แต่ถ้าจะมาถ่ายรูปบริเวณรอบ ๆ สามารถมาได้ตลอดทุกวันเลยครับ

? การเดินทาง มาลง MRT สถานี Bugis ออกมาทางตึก Duo (ตึกรังผึ้ง) แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาทีก็ถึงแล้วครับ

? พิกัด

Singapore River Cruise

ล่องเรือแม่น้ำสิงคโปร์ ชิลล์ ๆ ชมบรรยากาศเมืองสิงคโปร์

เขาจะปล่อยเรือจากท่าเรือ Clarke Quay ทุก ๆ ต้นชั่วโมง ชั่วโมงละ 1 รอบ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที เราเลือกนั่งเรือรอบ 19:00 ครับ ตอนเริ่มฟ้ากำลังจะมืดกำลังสวย ตึกริมแม่น้ำกำลังเปิดไฟพอดี ได้รูปของตึกที่เปิดไฟกับฟ้าที่ยังไม่มืด

เท่าที่ดูในเว็บตั๋วรอบนี้ค่อนข้างจะเต็มเร็ว แต่วันที่เราไปก็ยังมีคนมาซื้อหน้างานเลยก็ยังมี แต่ถ้าอยากให้ชัวร์ก็จองมาจากในเว็บแล้วเอามาแลกตั๋วที่ท่าเรืออีกทีก็ได้ครับ

ถ้าไม่ได้มีแผนไปไหนต่อ แนะนำว่าพอได้ตั๋วแล้วก็มาตั้งแถวรอขึ้นเรือได้เลยครับ จะได้เลือกไปนั่งที่ท้ายเรือไม่มีหลังคาได้เห็นวิวกว้าง ๆ

เมื่อเรือออกจากท่าเขาจะพาเราย้อนเข้าไปก่อนนิดหน่อยแล้วค่อยพาออกไป Marina Bay ไปถึงแถว ๆ Marina Barrage แล้วก็ย้อนกลับมาที่เดิม ซึ่งจะผ่านแลนด์มาร์กหลายจุด ได้แก่ เมอไลออน, ตึกทุเรียน Esplanade, Art Science Museum, Helix Bridge, Cloud Forest และ Flower Dome, Singapore Flyer, Marina Barrage และ ตึกต่าง ๆ

โชคดีที่ตอนที่ไปไม่เจอฝนเลย อากาศดี ชิลล์มาก

⏰ เปิดทุกวัน(จะมีหยุดวันชาติสิงคโปร์ 9 พ.ย.)
วันจันทร์ – พฤหัส 13:00 – 22:00
วันศุกร์ – อาทิตย์ และ วันหยุดราชการ 10:00 – 22:00

? ค่าตั๋ว ผู้ใหญ่ 25 SGD เด็ก 15 SGD ส่วนเราจองผ่าน Klook ค่าตั๋ว 600 บาท

? ถ้าเดินทางด้วย MRT สายสีม่วงให้ลง MRT สถานี Clarke Quay แล้วเดินข้ามสะพาน Coleman เลี้ยวซ้าย เดินเลาะริมแม่น้ำมานิดนึงก็เจอ หรือถ้าเดินทางด้วย MRT สายสีน้ำเงินก็ลง MRT สถานี Fort Canning แล้วเดินมานิดนึง ก็ได้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าก่อนหน้านั้นผู้อ่านเดินทางมาจาก MRT สายไหน

? พิกัด

Universal Studio Singapore

นี่เป็นการไปรอบที่ 2 ของผมครับ สำหรับรอบแรกก็อ่านได้ที่ [Trip] ตามล่าลอดช่องสิงคโปร์ : วันที่ 3

สำหรับรอบนี้ก็เล่นเครื่องเล่นคล้าย ๆ รอบแรก แต่ก็จะมีเพิ่ม Puss In Boots’ Giant Journey, Shrek 4-D Adventure และ Sesame Street Spaghetti Space Chase

สำหรับเครื่องเล่นที่เคยรีวิวแล้วจะขอข้ามนะครับ

Puss In Boots’ Giant Journey เป็นรถไฟเหาะเล็ก ๆ น่ารัก ๆ มีหวาดเสียวเล็กน้อยเป็นบางจุด เหมาะสำหรับเด็ก ๆ และผู้เริ่มเล่นรถไฟเหาะ

Shrek 4-D Adventure เป็นการดูหนังสั้นแบบ 4-D ซึ่งก่อนที่จะเข้าโรงก็มีเนื้อเรื่องเกริ่นให้ดูเล็กน้อย สนุก เพลิน ๆ

Sesame Street Spaghetti Space Chase เป็นรถราง น่ารักมากกกกก เหมาะกับพาเด็ก ๆ เข้าไปดู ซึ่งเป็นเครื่องเล่นที่รอคิวนานสุดประมาณ 20 นาทีได้ (นานกว่าเครื่องเล่นฮิต ๆ อีก)

สำหรับวันที่เราไปเป็นวันอาทิตย์แต่คนก็ไม่ได้เยอะมากแต่ละเครื่องต่อแถวรอคิวไม่เกิน 15 นาที บางเครื่องเล่นไปถึงก็ได้เล่นเลย โดยเฉพาะเครื่องเล่นยอดนิยมอย่าง TRANSFORMERS The Ride: The Ultimate 3D Battle หรือ Battlestar Galactica: HUMAN vs. CYLON ก็ยังไม่ต้องต่อแถวนานเลย คิดถูกจริง ๆ ที่ไม่ได้ซื้อตั๋ว Express เพิ่ม

⏰ เปิดทุกวัน 11:00-20:00

? การเดินทาง ลง MRT สถานี Harbourfront จากนั้นขึ้น Sentosa Express ที่ชั้น 3 ของห้าง VivoCity ปกติค่าตั๋ว 4 SGD แต่ช่วงที่เราไปเขาให้ขึ้นฟรีครับ (ฟรี ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2565 (อ้างอิง)) สามารถใช้บัตร EZ Link แตะเข้าไปได้เลย ไม่งั้นก็เดิน Sentosa Boradwalk ชิลล์ ๆ 670 เมตร แต่เสียค่าเข้าเกาะ 1 SGD ก็ได้ครับ

? ค่าตั๋ว ผู้ใหญ่ 68 SGD เด็ก 58 SGD ส่วนเราซื้อผ่าน Klook ราคา 1,510.45 บาท สามารถเอาบาร์โค้ดที่ได้ สแกนเข้าประตูได้เลย ไม่ต้องไปแลกตั๋วอีก

? พิกัด

S.E.A. Aquarium

เคยรีวิวไปแล้วที่ [Trip] ตามล่าลอดช่องสิงคโปร์ : วันที่ 3 ตามไปอ่านกันได้ครับ

แต่ครั้งนี้รู้สึกได้ว่าปลาน้อยลงกว่าครั้งที่แล้ว โดยเฉพาะตู้ใหญ่ Open Ocean ดูเบาบางลงไปเยอะเลย

นักท่องเที่ยวไม่เยอะเท่าไหร่ แต่เด็ก ๆ เยอะมากกก โดยเฉพาะหน้าตู้ Open Ocean เด็ก ๆ วิ่งเล่นกรี๊ดกร๊าดกันสนุกมากกก

⏰ เปิดทุกวัน 9:00-17:00

? การเดินทาง ลง MRT สถานี Harbourfront จากนั้นขึ้น Sentosa Express ที่ชั้น 3 ของห้าง VivoCity ปกติค่าตั๋ว 4 SGD แต่ช่วงที่เราไปเขาให้ขึ้นฟรีครับ (ฟรี ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2565 (อ้างอิง)) สามารถใช้บัตร EZ Link แตะเข้าไปได้เลย ไม่งั้นก็เดิน Sentosa Boradwalk ชิลล์ ๆ 670 เมตร แต่เสียค่าเข้าเกาะ 1 SGD ก็ได้ครับ

? ค่าตั๋ว ผู้ใหญ่ 41 SGD เด็ก 30 SGD ส่วนเราซื้อผ่าน Klook ราคา 544.55 บาท สามารถเอาบาร์โค้ดที่ได้ สแกนเข้าประตูได้เลย ไม่ต้องไปแลกตั๋วอีกเช่นเคย

? พิกัด

Fort Canning Park Tree Tunnel

สำหรับอุโมงค์ต้นไม้นี้เคยรีวิวไปแล้วที่ [Trip] ตามล่าลอดช่องสิงคโปร์ : วันที่ 3

ไปครั้งนี้ก็เจอฝนเหมือนเดิม ฝนตกหนักตั้งแต่เช้าจนแผนเลื่อนเลยทีเดียว

ขอรีวิวเพิ่มเติมคือ ตรงนี้ร้อนมากกกกกเนื่องจากเป็นพื้นที่อับลม แต่เดินออกมาที่ทางเดินข้าง ๆ นิดหน่อยก็เจอลมเย็นสบายแล้ว

เพิ่มอีกนิดคือ ครั้งนี้มีโอกาสได้เดินรอบสวนไม่ใช่แค่ถ่ายรูปตรงอุโมงค์ต้นไม้ รู้สึกว่าข้างในน่าเดินดีนะครับ เหมือนเขาจะมีจัดโซนให้ความรู้เกี่ยวกับต้นไม้ต่าง ๆ ด้วย แถมมีพวกโบราณสถาน โบราณวัตถุที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของสิงคโปร์อยู่ด้วย (บริเวณนี้เคยเป็นวังเก่า และเคยใช้เป็นจุดยุทธศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 (อ้างอิง))แต่เวลาไม่ค่อยอำนวยเลยอดเข้าไปดู

⏰ เข้าชมได้ทุกวัน ตลอดเวลา

? การเดินทาง ลง MRT สถานี Dhoby Ghaut เดินข้ามถนน Penang เดินเลาะตึก 9 Penang Road แล้วข้ามถนน Fort Canning เดินต่ออีกนิดหน่อยก็เจอแล้วครับ

? พิกัด

Ministry of Communications and Information (MCI)

ตึกหน้าต่างสีรุ้งที่อยู่สี่แยกของถนน River Valley ตัดกับถนนสะพานใหม่ เอ๊ย !!! New Bridge

ตึกนี้สร้างตั้งแต่ปี 1934 แต่เดิมเป็นสถานีตำรวจก่อนที่จะถูกเปลี่ยนเป็นที่ทำการกระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศ

ที่นี่สามารถถ่ายรูปได้ทั้งกลางวันและกลางคืน แนะนำให้ถ่ายจากทางถนน New Bridge เพราะทางถนน River Valley จะติดรั้วกั้นที่เกาะกลาง

อยากให้มาถ่ายกันเช้า ๆ หน่อย ถ้ามาสายแดดเข้าตึกเต็ม ๆ แสงจะค่อนข้างแข็ง และรถเยอะมาก (รูปด้านบนซ้ายถ่ายประมาณ 9:30)

และใครที่คิดจะเดินข้ามไปข้ามมาถ่ายรูปจากเกาะกลาง อันนี้ไม่แนะนำนะครับ ได้รูปสวยจริง แต่อันตรายมาก เสี่ยงโดนตำรวจจับด้วย

⏰ เข้าชมได้ทุกวัน ตลอดเวลา

? การเดินทาง ลง MRT สถานี Clarke Quay เดินข้ามสะพาน Coleman มาก็เจอเลย

? พิกัด

นิทรรศการ Future World ที่ ArtScience Museum

นิทรรศการสื่อผสมนี้เคยรีวิวแล้วที่ [Trip] ตามล่าลอดช่องสิงคโปร์ : วันที่ 2

ช่วงที่ไปนิทรรศการกำลังรีโนเวท 2 โซนคือโซน Sanctuary (โซนที่มีการฉายแสงสวย ๆ ลงบนผนัง) และ โซน Park ปิดให้บริการถึงวันที่ 26 พ.ย. (อ้างอิง)

สำหรับโซนที่เหลือให้เข้าชมชื่อว่า City in A Garden

เริ่มแรกเข้าไปจะเป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าใหญ่ ๆ มีงานแสดงอยู่ 6 งาน ทั้งงานศิลปะในจอ, งานศิลปะฉายแสงลงบนพื้นและผนัง และงานศิลปะ Interactive ขนาดใหญ่

ไฮไลท์ของห้องนี้ก็น่าจะงานเป็นศิลปะน้ำตกขนาดใหญ่และดอกไม้ที่ร่วงโรย ที่สายน้ำจะไหลหลบตำแหน่งที่เรายืนอยู่

ห้องถัดมา จะเจอจอหลาย ๆ จอกำลังแสดงงานศิลปะคล้าย ๆ คลื่นน้ำ พร้อมกับมีตัวเลขเวลานับไปเรื่อย ๆ ซึ่งมันคือเวลาของอะไร อยากให้ไปชมกันเอง

เมื่อเดินมาอีกห้อง จะเจอสไลเดอร์ที่เมื่อลื่นลงมาผ่านรูปผลไม้ที่ฉายอยู่บนสไลเดอร์แล้วมันจะแตกออกและเด้งไปมา เด็ก ๆ เล่นกันเต็มเลย

ใกล้ ๆ กันนั้นก็จะมีห้อง Inverted Globe เรียกว่าเป็นงานศิลปะให้เราสามารถออกแบบโลกในจินตนาการโดยการเอาบล็อกต่าง ๆ ที่เขาจัดเตรียมไว้ให้ ย้ายไปบริเวณต่าง ๆ ในห้อง แล้วมันจะฉายภาพการเชื่อมโยงบล็อกประเภทเดียวกัน พร้อมกับมีอะไรเคลื่อนไหวระหว่างเส้นทางที่เชื่อมกันด้วย พร้อมกับมีจอให้ดูโลกจำลองของเราที่กลางห้อง

ถัดจากสไลเดอร์มานิดนึงก็เจอห้องที่มี A Table Where Little People Live อันนี้ก็คล้าย ๆ กับ Inverted Globe แต่คราวนี้มาเล่นกันบนโต๊ะแทน เหล่าตัวละครน้อย ๆ ที่ฉายอยู่บนโต๊ะจะโต้ตอบกับของที่เราเอาไปวางหรือมือที่เราเอาไปจิ้ม น่ารักดี

หลังโต๊ะเมื่อกี้ก็มีจอให้เราเล่น Sketch Piston เป็นจอสัมผัสที่เราสามารถวาดรูป หรือเอา Object ที่เขาจัดเตรียมไว้ไม่ว่าจะเป็น รูปหัวใจ, วัว, ลูกโป่ง ไปละเลง ๆ แล้วมันก็จะผุดออกมารัว ๆ พร้อมกับเสียงเพลง เพลินดี

ออกจากห้องนี้ก็จะเจอกับ Sketch Aquarium ที่ให้เราสร้างสรรค์สัตว์ทะเล ไม่ว่าจะเป็น ม้าน้ำ, หมึก, เต่า หรือ ฉลาม ผ่านการละเลงสีเทียนบนกระดาษที่เขาจัดเตรียมไว้ให้ เสร็จแล้วก็นำไปสแกนที่เครื่องจากนั้นสัตว์น้ำของเราก็จะมาโผล่บนจอให้เราวิ่งไล่จับได้ แต่จับไม่ได้สักทีพอเข้าใกล้มันเด้งหนีตลอด

ที่หลังโต๊ะระบายสีมีบล็อกที่เคยเป็น Media Block Chair วางเรียงกันอยู่ที่ผนัง แต่เขาไม่อนุญาตให้เอาออกมาเล่น อดเลย

ส่วนโซน Crystal Universe ที่เป็นห้องที่มีหลอดไฟ LED เยอะ ๆ นั้นหาทางเข้าไม่เจอ อดไป (มารู้ทีหลังว่าไม่ได้ปิด แต่ตอนนั้นคิดว่ามีแค่โซนที่เขียนบรรยายมาข้างบน)

⏰ เปิดทุกวัน 10:00 – 19:00

? การเดินทาง ลง MRT สถานี Bayfront เดินทะลุห้าง The Shoppes at Marina Bay Sands ตามป้ายมาเรื่อย ๆ ไม่มีหลงแน่นอนครับ

? ตั๋วผู้ใหญ่ราคา 23 SGD ส่วนเด็กราคา 18 SGD
ถ้าเป็นสมาชิกของ Sand Reward ตั๋วผู้ใหญ่ราคา 16.10 SGD ส่วนเด็กราคา 12.60 SGD
(เนื่องจากตอนที่ไปมีนิทรรศการบางส่วนปิดปรับปรุงเลยทำให้ค่าตั๋วลดลง ผู้ใหญ่จากปกติ(ก่อนปรับมาราคาปัจจุบัน) 17 SGD เหลือ 15 SGD และเด็ก 10 SGD เท่าเดิม แต่ถ้าเป็นสมาชิกของ Sand Reward จะลดลงเหลือ 10.50 SGD และ 7 SGD ส่วนการสมัครสมาชิก เคยเขียนไว้ในโพสท์รีวิวครั้งที่แล้วแล้ว ขอแนะนำว่า ให้ไปสมัครสมาชิก Sand Reward แล้วไปซื้อตั๋วหน้างานดีกว่าซื้อผ่านเว็บขายตั๋วอย่าง Klook หรือ KKday นะครับ เพราะในเว็บราคา 482 บาท (ราคา ณ วันที่ไป) ซึ่งเป็นราคาที่ยังไม่ลดเนื่องจากปิดปรับปรุงบางส่วน)

? พิกัด

Water Lily Pond

หนึ่งในจุดเช็คอินใหม่ ณ Gardens by the Bay ของชาวไทย ถัดจาก Fort Canning Park Tree Tunnel

ความดีงามของมุมนี้คือ ฉากหน้าเป็นก้อนหินกลางสระบัวและมีฉากหลังเป็น Supertree Grove และตึก Marina Bay Sand

ถ้าเสิร์ชใน Google Maps จะได้พิกัดกลางสระ ต้องเดินวนไปหาจุดที่ถ่ายเหมาะกับการถ่ายรูปอีกที แต่ไม่เป็นไร ผมได้แนบพิกัดจุดดังกล่าวไว้ให้ข้างล่างแล้ว

การที่จะลงไปถ่ายรูปที่ตรงจุดนี้ต้องลุยน้ำนิดหน่อย มีคนเอาหินวางไว้เป็นทางให้เดินไปอยู่ครับไม่ลื่น แต่ถ้าใครมั่นใจก็กระโดดข้ามไปเลยครับแต่ระวังกระโดดไม่พ้นนะครับ

⏰ เปิดทุกวัน 05:00 – 02:00

? การเดินทาง นั่งรถเมล์สาย 400 มาลงป้าย Gdns by the Bay เดินเข้ามาข้างในประมาณ 350 เมตร

? ล่าสุดสามารถ ลง MRT สถานี Gardens by the Bay ที่เพิ่งเปิดเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2565 แล้วเดินเข้ามาข้างในประมาณ 650 เมตร

? พิกัด

Cloud Forest

เรือนกระจกที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีอดีตน้ำตกในร่มที่สูงที่สุดในโลกที่สูง 30 เมตร

เข้าไปก็จะเจอ Cloud Mountain ที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้นานาชนิด และสูงมาก

น้ำตกแรงมาก อยู่ใกล้ ๆ ไม่ได้เลย น้ำกระเด็นใส่ตลอด

เขาจะให้เราขึ้นลิฟท์ไปเริ่มเดินจากข้างบนลงมาเรื่อย ๆ ซึ่งแต่ละชั้นก็จะมีธีมของต้นไม้และการตกแต่งต่าง ๆ กันไป บางชั้นก็จะมี Skywalk ให้เราออกไปเดินชมต้นไม้รอบ ๆ ภูเขา บอกเลยว่าไม่เหมาะกับคนกลัวความสูงอย่างยิ่ง

ที่นี่จะมีการเปิดหมอกเป็นรอบ ๆ ทุก 2 ชั่วโมงตามนี้ครับ 10:00, 12:00, 14:00, 16:00, 18:00 และ 20:00

ตอนที่มีหมอก ให้บรรยากาศอีกแบบ เหมือนอยู่กลางป่าตอนเช้า ๆ สดชื่นมากกกก

ตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค. 2565 – 31 มี.ค. 2566 ที่นี่จะจัดสวนในธีมจากหนังเรื่อง Avatar ด้วยแหละ (อ้างอิง) วันที่เราไปก็เห็นเขาเตรียมงาน มีของบางอย่างมาตั้งโชว์แล้วแต่พวกไฮไลท์เด็ด ๆ ยังไม่เอาออกมาโชว์ครับ

⏰ เปิดทุกวัน 9:00 ถึง 21:00 ขายตั๋วถึงแค่ 20:00 แต่ละส่วนใน Garden by the Bay จะมีวันปิดปรับปรุงแตกต่างกันไป ตรวจสอบได้ที่นี่

? การเดินทาง นั่งรถเมล์สาย 400 มาลงป้าย Gdns by the Bay เดินเข้ามาข้างในประมาณ 500 เมตร

? ล่าสุดสามารถ ลง MRT สถานี Gardens by the Bay ที่เพิ่งเปิดเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2565 แล้วเดินเข้ามาข้างในประมาณ 700 เมตร

? ซื้อตั๋วทีเดียวเข้าได้ทั้ง Cloud Forest และ Flower Dome ผู้ใหญ่ 28 SGD เด็ก 15 SGD (อ้างอิง) (ผมซื้อผ่าน Klook ราคา 764 บาท) แต่ช่วงที่ Cloud Forest จัดธีม Avatar ตั๋วจะเป็นอีกราคา คือ ผู้ใหญ่ 53 SGD เด็ก 45 SGD (อ้างอิง) ใน Klook ก็มีให้จองล่วงหน้าแล้วเหมือนกัน ผู้ใหญ่ 1,406 บาท เด็ก 1,061 บาท

? พิกัด

Flower Dome

รูปจาก https://www.gardensbythebay.com.sg/en/things-to-do/attractions/flower-dome.html

อยู่ตรงข้ามกับ Cloud Forest มีขนาดใหญ่เท่าสระว่ายน้ำ 75 สระ

ที่นี่เน้นโชว์ไม้ดอกเป็นหลักตามชื่อ มีตั้งแต่ไม้ดอกเมืองหนาว ไปยันไม้ทะเลทราย ให้ฟีลคล้าย ๆ สวนนงนุชบ้านเรา

ใครชอบดอกไม้ไม่น่าพลาดที่นี่ แต่สำหรับผมไม่ค่อยชอบการจัดสวนของเขาเท่าไหร่ เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาได้แต่เดินผ่าน ๆ

ชื่นชมคนดูแลทั้ง 2 โดมนี้เลย ต้นไม้ส่วนใหญ่สภาพดีมีแห้งตายน้อยมากกกก

⏰ เปิดทุกวัน 9:00 ถึง 21:00 ขายตั๋วถึงแค่ 20:00 แต่ละส่วนใน Garden by the Bay จะมีวันปิดปรับปรุงแตกต่างกันไป ตรวจสอบได้ที่นี่

? การเดินทาง นั่งรถเมล์สาย 400 มาลงป้าย Gdns by the Bay เดินเข้ามาข้างในประมาณ 500 เมตร

? ล่าสุดสามารถ ลง MRT สถานี Gardens by the Bay ที่เพิ่งเปิดเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2565 แล้วเดินเข้ามาข้างในประมาณ 700 เมตร

? ซื้อตั๋วทีเดียวเข้าได้ทั้ง Cloud Forest และ Flower Dome ผู้ใหญ่ 28 SGD เด็ก 15 SGD (อ้างอิง) (ผมซื้อผ่าน Klook ราคา 764 บาท) แต่ช่วงที่ Cloud Forest จัดธีม Avatar ตั๋วจะเป็นอีกราคา คือ ผู้ใหญ่ 53 SGD เด็ก 45 SGD (อ้างอิง) ใน Klook ก็มีให้จองล่วงหน้าแล้วเหมือนกัน ผู้ใหญ่ 1,406 บาท เด็ก 1,061 บาท

Marina Barrage

สวนสาธารณะบนสันเขื่อนนี้เคยรีวิวแล้วที่ [Trip] ตามล่าลอดช่องสิงคโปร์ : วันที่ 1

ครั้งนี้คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ อาจจะเพราะเป็นเย็นวันจันทร์ด้วย

ที่สำคัญลมแรงมากกกก อากาศดีสุด ๆ

รอบนี้ฟ้ามืดลงนิดหน่อยก็ลงแล้วไม่ได้รอดู Garden Rhapsody เหมือนรอบที่แล้ว

ตอนจะกลับเห็นฝูงตัวนากวิ่งขึ้นฝั่งจากที่ไกล ๆ แต่คนที่วิ่งผ่านแถวนั้นก็ไม่มีใครตกใจ ส่วนฝูงตัวนากก็วิ่งกันปกติ เหมือนเป็นเรื่องปกติของแถวนี้แล้ว

ใครอยากวิ่ง หรือปั่นจักรยานออกกำลังกาย แนะนำที่นี่เลยครับ

⏰ เปิดตลอดเวลา (? พิกัด)

? การเดินทาง นั่งรถเมล์สาย 400 มาลงป้าย Marina Barrage เดินต่ออีกประมาณ 300 เมตรก็ถึงสวนข้างบน

? ล่าสุดสามารถ ลง MRT สถานี Gardens by the Bay ที่เพิ่งเปิดเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2565 แล้วเดินต่ออีกประมาณ 500 เมตร

? พิกัด

Supertree Grove

ต้นไม้แสงนี้เคยรีวิวแล้วที่ [Trip] ตามล่าลอดช่องสิงคโปร์ : วันที่ 1 เหมือนเคย

แต่รอบนี้การแสดง Garden Rhapsody เป็นการแสดงชื่อ Retro Fever เป็นธีมเพลงเก่ายุค 70 สนุกมาก เห็นนักท่องเที่ยวแถวนั้นลุกขึ้นมาเต้นเลยทีเดียว

คนไม่เยอะเท่าไหร่ แต่บริเวณหน้าต้นไม้หลัก (3 ต้นที่มีทางเดิน Skywalk ข้างบน กับ 1 ต้นตรงกลาง) มีคนพอสมควร

ครั้งนี้ไม่ได้ตั้งใจมาดูการแสดงหรอก จะเดินมากิน Shake Shack (เดี๋ยวมีรีวิวในพาร์ตของกิน) แต่ได้ยินเสียงเพลง เลยเดินไปดูซะหน่อย

⏰ เปิดทุกวัน 05:00 – 02:00 (อ้างอิง) แต่สำหรับการแสดง Garden Rhapsody ที่ Supertree Grove ก็มีทุกวัน วันละ 2 รอบ คือ 19:45 และ 20:45 เหมือนเดิม ส่วนวันที่ผู้อ่านจะไปเที่ยวจะเป็นการแสดงชุดอะไรนั้น ตรวจสอบได้ที่นี่เลย

? การเดินทาง นั่งรถเมล์สาย 400 มาลงป้าย Marina Barrage เดินเข้ามาข้างในอีกประมาณ 700 เมตร

? ล่าสุดสามารถ ลง MRT สถานี Gardens by the Bay ที่เพิ่งเปิดเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2565 แล้วเดินต่ออีกประมาณ 750 เมตร

? พิกัด

Merlion

Merlion เคยรีวิวแล้วที่ [Trip] ตามล่าลอดช่องสิงคโปร์ : วันที่ 2

ครั้งที่แล้วไปตอนกลางคืน แต่ครั้งนี้ไปช่วงสาย ๆ ให้บรรยากาศต่างไปอีกแบบ

ตามแผนคือจะไปถึงนั่นก่อน 8:00 แต่วันนั้นฝนตกหนักแต่เช้า กว่าจะถึงก็ 9:30

ตอนไปถึงคนยังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ แต่ก็ถ่ายรูปมุมที่ต้องการลำบากพอสมควร

ยิ่งสาย คนยิ่งเยอะ ทัวร์ยิ่งลง

ช่วงที่นั่งเรือผ่านตอนกลางคืน มีการฉายแสง สีต่าง ๆ ลงบนตัว Merlion ด้วย ได้เห็น Merlion ในลุคที่แปลกดี

⏰ เข้าชมได้ทุกวันทุกเวลา

? การเดินทาง ไปลง MRT สถานี Raffles Place เดินต่ออีกประมาณ 450 เมตร

? พิกัด

CapitaSpring

จริง ๆ ที่นี่เป็นอาคารสำนักงานแต่มีสวน Green Oasis อยู่ชั้น 17 – 20 และ Sky Garden อยู่ที่ดาดฟ้าชั้น 51 ให้เข้าชม

เมื่อไปถึงหน้าตึกก็จะงง ๆ หน่อยแต่ไม่ต้องกลัวไป เดินไปที่ล็อบบี้และขึ้นลิฟท์ไปเลย เขามีป้ายบอกอยู่ว่าต้องขึ้นลิฟต์ตัวไหน

⏰ เปิดให้เข้าชม จันทร์-ศุกร์ 8:30 ถึง 10:30 และ 14:30 ถึง 18:00 ยกเว้นวันหยุดราชการ (อ้างอิง)

แต่…เรามัวกินข้าวเช้ากันอยู่เลยไปช้าเกินไป เลยช่วงเวลาที่เขาให้ขึ้นชมแล้ว ดังนั้น อดจ้า

? การเดินทาง จาก MRT สถานี Raffles Place เดินประมาณ 300 เมตร

? พิกัด

Marina One

ที่นี่เป็นอาคารสำนักงาน+คอนโด+ศูนย์การค้า จุดมุ่งหมายของการไปที่นี่คือสวนที่อยู่กลางตึก

ตอนเดินถึงตึกก็งง ๆ ไอ้สวนที่ดูมามันอยู่ไหนหว่าป้ายก็ไม่มี มันต้องขึ้นลิฟท์ไปเหมือนที่ CapitaSpring อีกรึเปล่า เลยไปถามพี่ยามที่อยู่แถวนั้น เอารูปให้ดู ยามก็บอกว่า เดินตรงไปนี่ก็ถึงเลย

พอเดินผ่านมุมตึกก็…โอ้โห สถาปัตยกรรมของที่นี่สวยมากกกก ลงตัวมาก มีความทันสมัยและเป็นธรรมชาติ

⏰ ที่นี่เปิดให้เข้าได้ตลอดเวลา (น่าจะนะครับ เพราะหาข้อมูลไม่เจอ ใครทราบกรุณาบอกที)

? การเดินทาง ลง MRT สถานี Marina Bay เดินผ่านสนามหญ้า ข้ามถนนมาก็เจอเลย

? พิกัด

Potato Head

จะเรียกว่าเป็นแกลลอรี่งานศิลปะที่ขายอาหารก็ว่าได้ โดย 2 ชั้นล่างเป็นร้านเบอร์เกอร์แต่ชั้นดาดฟ้าเป็นบาร์

แต่จุดประสงค์ของการมาที่นี่คือมาถ่ายรูปที่หน้าตึกเท่านั้น เลยไม่ได้ชิมว่าเบอร์เกอร์ของที่นี่อร่อยสมคำล่ำลือหรือไม่

ที่นี่สามารถมาถ่ายรูปได้ทั้งกลางวันและกลางคืนซึ่งจะได้อารมณ์ที่แตกต่างกัน แต่ด้วยความว่ามันอยู่กลางสามแยก ก็ระวัง ๆ รถกันหน่อยนะครับ รถค่อนข้างเยอะพอสมควรเลย

ทริปนี้มาแวะถ่ายรูปที่นี่บ่อยมากแทบทุกเช้าเย็น เพราะมาทีไรไม่ค่อยมีช่วงเวลาเหมาะ ๆ ให้ถ่ายสักทีไม่รถเยอะก็คนเยอะ แต่ไม่เป็นไรเดินจากที่พักไม่ถึง 100 เมตร

⏰ ตัวร้านอาหารเปิดทุกวัน 12:00 – 00:00 แต่สามารถถ่ายรูปหน้าตึกได้ตลอดเวลาครับ

? การเดินทาง ลง MRT สถานี Outram Park เดินต่ออีกประมาณ 450 เมตร

? พิกัด

ที่กิน

Song Fa Bak Kut Teh

ร้าน Bak Kut Teh ชื่อดังของสิงคโปร์ เคยรีวิวไว้แล้วที่ [Trip] ตามล่าลอดช่องสิงคโปร์ : วันที่ 4 แต่คราวนี้ไปกินที่สาขา Jewel Changi Airport ก็คล้าย ๆ กับสาขา Chinatown Point แต่ที่นี่ไม่มีก็อกน้ำชาประจำโต๊ะให้ คราวนี้กิน Bak Kut Teh และ Braised Pork Belly เหมือนเดิมเพิ่มเติมผัดผักกวางตุ้ง รวมค่าเสียหาย 27.2 SGD

Bak Kut Teh ซี่โครงหมูตุ๋นยาจีนที่มาพร้อมกับชาวจีนที่อพยพมาตั้งรกรากแถว ๆ แหลมมลายู ชื่อเป็นภาษาจีนฮกเกี้ยน แต่ละคำมีความหมายดังนี้ Bak = เนื้อหมู , Kut = กระดูก, Teh = น้ำชา แปลรวม ๆ คือ กระดูกหมูที่กินคู่กับน้ำชา (อ้างอิง) ซึ่งเอกลักษณ์ของ Bak Kut Teh ร้านนี้คือน้ำซุปที่หอมกลิ่นพริกไทยและร้อนมาก กับกระดูกหมูที่เปื่อยยุ่ยไม่ติดกระดูก รสชาติจะออกเค็ม ๆ กลม ๆ และเผ็ดร้อนพริกไทย แต่แอบสาบหมูหน่อย ๆ

Braised Pork Belly หมูสามชั้นตุ๋นซีอิ๊ว ติดใจจากที่กินครั้งที่แล้ว เนื้อนุ่ม เค็ม ๆ กินกับข้าวสวยร้อน ๆ ดีงามมาก

ผัดผักกวางตุ้ง ก็ผัดผักธรรมดาทั่วไป แต่ผักไม่ขม ไม่เหม็นเลย

โดยรวมอร่อย กลมกล่อมเหมือนเดิม

เดี๋ยวนี้เขาจะให้เราสแกน QR Code เพื่อเข้าเว็บเพื่อดูเมนู และเราสามารถสั่งอาหารได้จากในเว็บนี้เลย

ณ วันที่เขียนบล็อกนี้ ที่สิงคโปร์มี 13 สาขา และที่ไทยมี 4 สาขา (อ้างอิง)

⏰ เปิดทุกวัน 11:30 – 21.30

? การเดินทาง จาก MRT สถานี Changi Airport เดินตามป้ายบอกทางไป Jewel Changi Airport ใน Terminal 3 ไปเรื่อย ๆ จนถึง Jewel Changi Airport ก็ลงลิฟท์หรือบันใดเลื่อนมาชั้นใต้ดิน 2B อยู่ใกล้ ๆ กับน้ำตกกลางห้าง

? พิกัด

Lim Chee Guan

ร้านหมูแผ่นที่(เขาว่า)ดังที่สุดในหมู่คนสิงคโปร์ เปิดตั้งแต่ปี 1938 วันนั้นเราลองซื้อ Signature Sliced Pork ขนาด 300g (เป็นขนาดที่เล็กที่สุดที่จะเอามาลองชิม) ราคา 18.60SGD มาลอง

หมูนุ่มมาก(มีแข็งบ้างเป็นบางจุด) หอมกลิ่นรมควัน รสชาติเค็มหวานกำลังดี

นอกจากนี้ที่ร้านยังมีสินค้าอีกหลายอย่าง เช่น ปลาแผ่น, กุ้งแผ่น, เนื้อแผ่น ไก่แผ่น หรือหมูหยอง

ร้านนี้มีแค่ 4 สาขา (อ้างอิง) เราซื้อที่สาขา Jewel Changi Airport

⏰ เปิดทุกวัน 10:00 – 22:00

? การเดินทาง จาก MRT สถานี Changi Airport เดินตามป้ายบอกทางไป Jewel Changi Airport ใน Terminal 3 ไปเรื่อย ๆ จนถึง Jewel Changi Airport ก็ลงลิฟท์หรือบันใดเลื่อนมาชั้นใต้ดิน 2B อยู่ใกล้ ๆ กับน้ำตกกลางห้าง

? พิกัด

Bee Cheng Hiang

ร้านหมูแผ่นดังอีกร้าน เคยรีวิวแล้วที่ [Trip] ตามล่าลอดช่องสิงคโปร์ : วันที่ 4 ร้านนี้มีหลายสาขามาก แม้แต่ที่ไทยก็มี (อ้างอิง) แต่เราต้องการเปรียบเทียบหมูแผ่นจาก 2 ร้านแบบคำต่อคำก่อนที่จะซื้อฝากคนที่ไทย

ครั้งนี้ซื้อ Mini EZ Pork ขนาด 300g ราคา 22.80 SGD มาลอง เป็นหมูแผ่นชิ้นเล็ก ๆ พอดีคำบรรจุถุงสุญญากาศ (เป็นแพ็คเกจที่ใช้พลาสติกสิ้นเปลืองมาก)

ความรู้สึกหลังจากที่กินผมรู้สึกว่าหมูค่อนข้างแข็ง กลิ่นก็ไม่ค่อยหอม รสชาติจาง ๆ ไม่แน่ใจว่าถ้าเป็นแผ่นใหญ่ ๆ เหมือนที่ซื้อที่ Lim Chee Guan จะแข็งแบบนี้มั้ย แต่ขนาดของ Mini EZ นี่เหมาะกับการเป็นของฝากจริง ๆ

ครั้งนี้เราซื้อที่สาขา ริมถนนสะพานใหม่ เอ๊ย New Bridge Road (ยังจะเล่นอีก)

⏰ เปิดทุกวัน 09:00 – 22:00

? การเดินทาง ลง MRT สถานี Chinatown เดินต่อประมาณ 150 เมตร

? พิกัด

Lady M

ร้านเครปเค้กชื่อดังจากนิวยอร์ก ปัจจุบันมี 5 สาขาที่สิงคโปร์ (อ้างอิง) แต่เรากินที่สาขาที่เปิดล่าสุด นั่นคือสาขา Jewel Changi Airport ครับ

วันนั้นเรากินไป 2 ชิ้นคือ Signature Mille Crepes และ Pistachio Mille Crepes

Signature Mille Crepes เคร้ปเย็น แป้งบางนุ่ม หวานกำลังดี ไม่มากเกินไป

Pistachio Mille Crepes คล้าย ๆ ตัว Signature แต่จะมีความหอมและความมันของพิสทาชิโอเพิ่มเข้ามา

โดยรวมเราชอบเคร้ปเค้กร้านนี้ครับ มันไม่หวานและไม่เลี่ยนมาก กินได้เพลิน ๆ (แต่ท้าย ๆ ก็แอบเลี่ยนนิดนึง)

ใครชอบกินขนมแบบไม่หวานต้องไปลอง แต่ราคาแอบแรงนิดหน่อย 2 ชิ้นรวมกัน 29.43 SGD และร้านนี้ไม่รับเงินสดนะครับ

⏰ เปิดทุกวัน 10:00 – 22:00

? การเดินทาง จาก MRT สถานี Changi Airport เดินตามป้ายบอกทางไป Jewel Changi Airport ใน Terminal 3 ไปเรื่อย ๆ จนถึง Jewel Changi Airport ร้านอยู่ชั้น 2

? พิกัด

Birds of Paradise

ร้านไอศครีมเจลาโตและซอร์เบต์ที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น ผลไม้, ดอกไม้, สมุนไพร หรือแม้กระทั่งเครื่องเทศ

ที่ร้านมีไอศครีมหลายรสชาติให้เลือกเยอะมาก ๆ เราเลือกรส Pandan (เตยหอม) กับ Sea Salted Hojicha ใส่โคน ราคา 9 SGD (รูปซ้าย) อีกโคนเป็นรส Pistachio กับ Midnight Gianduja ราคา 11 SGD (รูปขวา) (โคน 2 สกู๊ปตกประมาณ 8-10 SGD แล้วแต่รสชาติของไอศครีมที่เลือก)

รส Pandan หอมกลิ่นใบเตย ไม่หวานมาก แต่สงสัยว่าทำไมมันเป็นสีขาวไม่ใช่สีเขียวเหมือนไอสครีมรสใบเตยส่วนใหญ่ที่ไทย

รส Sea Salted Hojicha หอมกลิ่นโฮจิฉะออกเค็มปะแล่ม ๆ อร่อยลงตัวดีครับ

รส Pistachio กลิ่นพิสทาชิโอมาเต็ม หวาน ๆ มัน ๆ

สุดท้าย รส Midnight Gianduja มันคือช็อกโกแลตผสมฮาเซลนัทบดละเอียดแบบเข้มข้น (ถ้าพูดให้เห็นภาพ Nutella ผสมฮาเซลนัทบดละเอียด 13% ส่วน Gianduja ผสมฮาเซลนัทบดละเอียด 30% ขึ้นไป ) หวาน มัน เข้มข้น สะใจคนชอบ Nutella มาก

ตัวโคนกรอบกำลังดี ไม่แข็งมากเกินไป

จริง ๆ ร้านนี้มีสาขาที่ Jewel Changi Airport ด้วย แต่ตอนที่ผ่านนั้นยังไม่อยากกินเท่าไหร่ เลยมากินที่สาขา Craig ใกล้ ๆ ที่พัก

ตอนนี้ร้านนี้มี 4 สาขา วัน-เวลา เปิดปิดแตกต่างกัน ดูได้ที่นี่

⏰ สาขา Craig เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ 12:00 – 22:00

? การเดินทาง ลง MRT สถานี Outram Park เดินต่ออีกประมาณ 600 เมตร

? พิกัด

Satay Street @ Lau Pa Sat

Lau Pa Sat เป็นศูนย์อาหาร 24 ชั่วโมงแห่งย่าน Telok Ayer แต่เมื่อเวลา 19:00 (เสาร์-อาทิตย์เริ่มตั้งแต่ 15:00) เขาจะปิดถนน Boon Tat ที่อยู่ด้านหลังเพื่อขายสะเต๊ะโดยเฉพาะ สมกับชื่อ Satay Street

มีร้านสะเต๊ะหลายสิบร้านเลย แต่ร้านที่เลือกกินครั้งนี้คือร้าน Best Satay (ร้านเบอร์ 7-8)

ร้านนี้หาไม่ยากครับ เดินลงมาจะเจอลุงถือเมนูเดินเข้ามาจู่โจมเลย จากนั้นก็ถือเมนูไปสั่งพร้อมจ่ายเงินแล้วเอาบิลไปต่อแถวรอรับของได้เลย (แถวยาวสุดแล้วร้านนี้แต่รอไม่นานเท่าไหร่)

สำหรับเมนูของร้านนี้ เขาจะขายเป็นเซ็ต แต่ละเซ็ตประกอบด้วย ไก่, เนื้อวัวหรือเนื้อแกะ และ กุ้ง ซึ่งแต่ละเซ็ท จะมีจำนวน ไก่ กับเนื้อ เท่ากัน ส่วนกุ้งจะน้อยลงมาหน่อย เช่น เซ็ต A ไก่ 10 ไม้, เนื้อวัวหรือเนื้อแกะ 10 ไม้ และ กุ้ง 6 ไม้ ส่วนเซ็ต B จะได้ 15, 15 และ 10 ไม้ตามลำดับ (มีเซ็ต C, D, E และ F ซึ่งจำนวนไม้ก็จะเยอะขึ้นเรื่อย ๆ )

เราเลือกเซ็ต A สนนราคา 28 SGD

สะเต๊ะไก่ เนื้อหนานุ่มมาก ตอนแรกคิดว่ากินสะเต๊ะหมูด้วยซ้ำ รสออกจืดหวาน

สะเต๊ะเนื้อ เหนียวกว่าสะเต๊ะไก่หน่อย รสจืดหวานเหมือนสะเต๊ะไก่ แต่จะเค็มกว่าหน่อย

สะเต๊ะกุ้ง อันนี้ชอบสุดแล้ว มันจะเค็ม ๆ ไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มก็อร่อย อยากสั่งกินแต่กุ้งเลย

น้ำจิ้ม ก็เหมือนน้ำจิ้มสะเต๊ะบ้านเราแต่กลิ่นเครื่องเทศจะแรงกว่าหน่อย รสเค็มไม่หวาน ถั่วเม็ดใหญ่ตำหยาบ ๆ ส่วนอะจาด…ไม่มีจ้า ให้มาเป็นชิ้นแตงกวากับหอมแดงเปล่า ๆ เลย

หลังจากกินสะเต๊ะเสร็จ แวะซื้อน้ำอ้อยแถวนั้นกิน แก้วละ 2.2 SGD แปลกดี กลิ่นอ้อยชัดเจน แต่ไม่หวานเหมือนอ้อยบ้านเราเลย

⏰ เปิดทุกวัน จันทร์ – ศุกร์เปิด 19:00 – 03:00
เสาร์ – อาทิตย์เปิด 15:00 – 03:00

? การเดินทาง ลง MRT สถานี Telok Ayer เดินต่ออีก 350 เมตร

? พิกัด

Ya Kun Kaya Toast

ร้านอาหารเช้าชื่อดังของสิงคโปร์ที่มีสาขาในประเทศไทย เคยรีวิวไว้แล้วที่ [Trip] ตามล่าลอดช่องสิงคโปร์ : วันที่ 4

ครั้งนี้ก็สั่งชุด Value Set Meal กินเหมือนเดิม (ครั้งที่แล้วไปตั้งชื่อชุดให้เขาเป็น Happy Meal ซะงั้น) ราคาชุดละ 5.60 SGD แต่เปลี่ยนจากเครื่องดื่มร้อนเป็นเครื่องดื่มเย็นเลยต้องเพิ่มเงินอีก 0.90 SGD เป็น 6.50 SGD

ชุดแรกสั่งเป็น Kaya Toast with Butter กับกาแฟเย็น คราวนี้ไม่พลาดใส่ซอสลงในไข่ลวกเยอะเหมือนครั้งที่แล้ว ด้วยความที่ขนมปังยังไม่มา แต่หิวก็กินไข่ลวกเล่นไปเรื่อย ๆ ขนมปังมาไข่หมดพอดี อดเอามาจิ้ม ขนมปังปิ้งใหม่ ๆ กรอบ หอม สังขยาหวานเล็กน้อยเข้ากันดีกับเนยเค็ม ๆ อร่อย เหมือนที่เคยกิน (ก่อนหน้านี้เคยซื้อที่สาขาในไทย แล้วรู้สึกผิดหวัง ไม่อร่อยเหมือนกินที่สิงคโปร์ รู้สึกว่ามันหวานไปหน่อย แล้วขนมปังก็ไม่ค่อยกรอบ) ส่วนกาแฟก็กาแฟเย็นธรรมดา ไม่ได้ดี ไม่ได้แย่

อีกชุดสั่งเป็น Kaya Toast with Peanut กับชาเย็น อร่อยไปอีกแบบ แต่ถ้ากินเปล่า ๆ จะเลี่ยนหน่อย ต้องเอามาจิ้มไข่ลวกเหมือนที่ชาวสิงคโปร์กิน เข้ากันพอดี ส่วนชาเย็นก็โอเค ชาหอมดี ไม่หวานด้วย

ครั้งนี้กินที่สาขา VivoCity ก่อนที่จะไปเที่ยวที่ Universal Studio ร้านไม่ใหญ่ ตอนเช้า ๆ คนเต็มร้านเลย แถวยาวเกือบออกไปนอกร้าน แต่แปลกว่า มีที่นั่งกินกันทุกคนซะงั้น

ร้านนี้สาขาเยอะมาก หากินกันได้ง่าย ๆ (อ้างอิง)

ใจจริงอยากลองร้าน Heavenly Wang ที่เขารีวิวกันว่าอร่อยกว่า Ya Kun แต่หาเวลาเหมาะ ๆ ไม่ได้เลย

มีอีกร้านที่เคยเดินผ่านแล้วมองเข้าไปเห็นคนเยอะมาก แต่ตอนนั้นอิ่มและอากาศค่อนข้างร้อนเลยไม่อยากกิน แต่เพิ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นร้านดัง ร้านที่ว่าคือ Tong Ah Eating House ที่อยู่ย่าน Craig ถ้ามีโอกาสได้ไปอีกคงต้องไปลอง

⏰ สาขา VivoCity เปิด 8:15 ถึง 21:00

? การเดินทาง ลง MRT สถานี Harbourfront เดินออกมาที่ชั้น B2 ของห้าง VivoCity เลี้ยวซ้าย เดินตรงมานิดหน่อยก็เจอแล้ว

? พิกัด

Malaysian Food Street

รูปจาก https://www.sentosa.com.sg/en/things-to-do/dining/malaysian-food-street/

เป็นศูนย์อาหารที่อยู่หน้า Universal Studio อาหารที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารพื้นเมืองของแถบนี้ มีหลายร้านหลายแนวให้เลือก สามารถกดเลือกเมนูได้ที่ตู้คีออสก์ที่ทางเข้า จ่ายเงิน(ที่นี่ไม่รับเงินสด) จากนั้นจะได้ใบเสร็จพร้อมเลขคิวมา เมื่อร้านทำอาหารของเราเสร็จ เขาจะขึ้นเลขคิวเราที่จอที่มีอยู่ทั่วศูนย์อาหารเรียกให้ไปรับที่ร้าน

ที่นี่เรากิน Melaka Chicken Rice กับบะหมี่ลูกชิ้นปลา

Melaka Chicken Rice มันคือข้าวมันไก่สูตรมะละกา ไก่เขาคล้าย ๆ กับไก่นึ่งซีอิ๊วเลย รสชาตินวล ๆ เค็ม ๆ เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำพริก ซึ่งมันคือพริกตำล้วน ๆ และซีอิ๊วดำ

ส่วนบะหมี่แห้งลูกชิ้นปลา เส้นแข็งไปหน่อย แต่ตัวลูกชิ้นปลาอร่อย ไม่คาว น้ำซุปอร่อยเข้มข้น

รวมค่าเสียหาย 2 เมนู อยู่ที่ 18 SGD (ไม่ได้ถ่ายรูปมา เนื่องจากตอนนั้นหิวมากกกกก)

ถือว่าเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่ไม่อยากไปต่อคิวซื้ออาหารยาว ๆ ใน Universal Studio เลยก็ว่าได้

⏰ จันทร์ – พฤหัส เปิด 11:00 – 19:00
ศุกร์ – อาทิตย์ เปิด 11:00 – 20:00
ปิดทุกวันอังคาร ยกเว้นเป็นวันหยุดของสิงคโปร์ครับ

? การเดินทาง ลง MRT สถานี Harbourfront จากนั้นขึ้น Sentosa Express ที่ชั้น 3 ของห้าง VivoCity ปกติค่าตั๋ว 4 SGD แต่ช่วงที่เราไปเขาให้ขึ้นฟรีครับ (ฟรี ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2565 (อ้างอิง)) สามารถใช้บัตร EZ Link แตะเข้าไปได้เลย ไม่งั้นก็เดิน Sentosa Boradwalk ชิลล์ ๆ 670 เมตร แต่เสียค่าเข้าเกาะ 1 SGD ก็ได้ครับ ศูนย์อาหารนี้อยู่บริเวณลูกโลกของ Universal Studio เลย หาไม่ยาก

? พิกัด

Llaollao

ชื่อร้านอ่านว่า เยาเยา เป็นร้านไอศครีมโยเกิร์ตสัญชาติสเปนที่เคยมาเปิดที่ไทย

ตอนที่เราไปมีเมนูพิเศษคือ Coco Honey เป็นโยเกิร์ตราดด้วยน้ำผึ้ง ที่ก้นแก้วมีเนื้อมะพร้าว ราคา 7.90 SGD ตัวเนื้อโยเกิร์ตหนักไปทางเปรี้ยว น้ำผึ้งหวานหอม เนื้อมะพร้าวอ่อนนุ่ม รวม ๆ กันคืออร่อยลงตัว แต่กิน ๆ ไปก็ถือว่าแสบคออยู่เหมือนกัน

อีกถ้วยสั่งเป็นถ้วยขนาดกลาง ใส่ท็อปปิ้งได้ 3 อย่าง ( จริง ๆ ต้องบอกว่า ท็อปปิ้ง 2 กับ ซอส 1) ราคา 6.90 SGD ตัวท็อปปิ้งมีให้เลือกเยอะมาก ขึ้นอยู่กับว่าชอบแนวไหน ไม่ว่าจะเป็นผลไม้สด หรือขนมกรอบ ๆ ซอสก็มีหลายแนว ทั้งซอสผลไม้ หวาน, เปรี้ยว หรือจะเป็นช็อคโกแล็ต ก็มีให้เลือก เราเลือกท็อปปิ้งเป็น แครนเบอร์รี่กับบิสกิต Lotus Biscoff บดหยาบ ราดด้วยซอสช็อคโกแล็ต รสชาติออกมา เปรี้ยว หวาน มีเท็กเจอร์ให้เคี้ยวกรอบ ๆ อร่อยดี แต่กิน ๆ ไปก็หวานแสบคอ

ถึงจะบอกว่าหวานแสบคอ แต่ถามว่าถ้าเจอร้านนี้จะกินอีกมั้ย ก็กินอยู่ดี เพราะชอบรสชาติตัวโยเกิร์ตของร้านนี้ กินแล้วรู้สึกสดชื่นมาก

สำหรับ Llaollao ในสิงคโปร์มีหลายสาขา (อ้างอิง) เรากินที่สาขา Resort World Sentosa

⏰ สาขา Resort World Sentosa
วันอาทิตย์, อังคาร – พฤหัส เปิด 12:00 – 20:30
ศุกร์ – เสาร์ เปิด 12:00 – 22:00
ปิดวันจันทร์

? การเดินทาง ลง MRT สถานี Harbourfront จากนั้นขึ้น Sentosa Express ที่ชั้น 3 ของห้าง VivoCity ปกติค่าตั๋ว 4 SGD แต่ช่วงที่เราไปเขาให้ขึ้นฟรีครับ (ฟรี ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2565 (อ้างอิง)) สามารถใช้บัตร EZ Link แตะเข้าไปได้เลย ไม่งั้นก็เดิน Sentosa Boradwalk ชิลล์ ๆ 670 เมตร แต่เสียค่าเข้าเกาะ 1 SGD ก็ได้ครับ ร้านอยู่แถว ๆ ทางลงไปคาสิโน อยู่ข้างร้าน KrispyKreme ไม่ไกลจากลูกโลก Universal เท่าไหร่

? พิกัด

东方美食饭店 Oriental Chinese Restaurant

ชื่อร้านอ่านว่า Dong Fang Mei Shi หรือร้านที่หลายคนรู้จักในชื่อ Harbin Beer คือป้ายในระดับสายตามีแต่ภาษาจีนไงแล้วมีภาษาอังกฤษแค่คำว่า Harbin Beer คนเลยเรียกร้านนี้ด้วยชื่อนี้

ร้านขนาด 5 คูหานี้เป็นร้านอาหารจีนเสฉวนเปิดมาตั้งแต่ปี 2005 คนเยอะมากกก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนสิงคโปร์

วันนั้นสั่ง Fried French Beans with Dried Chili, Mapo Tofu, Pan-Fried Meat และข้าวเปล่าคนละถ้วย

Fried French Beans with Dried Chili (6.80 SGD) มันคือถั่วฝักยาวผัดพริกเกลือ มัน ๆ เค็ม ๆ หอมกระเทียม ไม่เผ็ดมาก กินเพลินเลย ถั่วฝักยาวเปลือกบาง ชอบมาก

Mapo Tofu (6 SGD) เมนูนี้เห็นในการ์ตูนทำอาหารบ่อยมากแต่ไม่เคยกินสักที แต่พอได้มากินก็ไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ มันออกเผ็ด จืด แล้วก็มัน ๆ แต่ตัวเต้าหู้โอเคเลยไม่เหม็นกลิ่นเต้าหู้แล้วก็ไม่เละจนเกินไป

Pan-Fried Meat (12.80 SGD) ตอนแรกที่คิดไว้ก่อนมากินไม่ใช่เมนูนี้ ในรีวิวเขาแนะนำหมูเปรี้ยวหวาน แต่ตอนสั่งหมูเปรี้ยวหวาน พนักงานก็ถามว่า “ไม่ใช่คนสิงคโปร์ใช่มั้ย” (ก็พูดภาษาอังกฤษสำเนียงไทยมาตลอดนะ ทำไมก่อนหน้านี้ไม่คิดว่าไม่ใช่คนสิงคโปร์ก็ไม่รู้) แล้วก็พูดต่อว่า “หมูเปรี้ยวหวานน่ะไปกินร้านไหนก็ได้ แต่ถ้ามากินร้านนี้ต้องสั่ง Pan-Fried Meat” ไอ้เราก็เชื่อคนง่ายเลยจัดไปตามเจ๊บอก

พอจานนี้มาเสิร์ฟถึงกับอึ้ง ปริมาณเยอะมากกกกกกกก มันคือหมูชุบแป้งทอดราดด้วยซอสคล้าย ๆ ซอสบ๊วยเจี่ย คำแรก ๆ ก็โอเคอยู่ แต่กินไปกินมาก็เลี่ยน กินนานมากกว่าจะหมด แต่ต่อให้หมูแช่ซอสอยู่นานแค่ไหนแป้งก็ยังกรอบดีอยู่

คิดถูกจริง ๆ ที่สั่งไปแค่ 3 เมนู แต่แค่นี้ก็เป็นเงิน 34.3 SGD แล้ว (รวมข้าวเปล่า, ภาษี, Service Charge) ถือว่าราคาเอาเรื่องอยู่ (ไอ้หมูทอดจานสุดท้ายแพงสุด)

เท่าที่สังเกตโต๊ะอื่น ๆ เขาจะสั่งหมั่นโถทอด ไม่ก็พวกเมนูปิ้งย่างเสียบไม้กัน แต่ท้องเราไม่ไหวที่จะยัดอย่างอื่นแล้วจริง ๆ เลยไม่ได้ลองเมนูอื่น ๆ นอกเหนือจากที่ตั้งใจไว้ตอนแรกเลย

⏰ เปิดทุกวัน 11:00 ถึง 06:00 เรียกได้ว่ายันหว่างกันเลยทีเดียว

? การเดินทาง ลง MRT สถานี Chinatown เดินนิดเดียวก็เจอ อยู่ริมถนน New Bridge เลย

? พิกัด

Tiong Bahru Bakery

ร้านเบเกอรี่ชื่อดังของสิงคโปร์ ร้านนี้เคยรีวิวไว้แล้วที่ [Trip] ตามล่าลอดช่องสิงคโปร์ : วันที่ 2

แต่ครั้งนี้ไม่สั่ง Mini Croissant แล้วเพราะเจอเมนูที่น่ากินกว่านั้นเยอะ นั่นก็คือออออ Sourdough Croissant ซึ่งเป็นเมนูพิเศษที่มีเฉพาะที่สาขา Foothills นี้เท่านั้น นอกจากนี้ยังสั่ง Salted Egg Brioche, ลาเต้เย็น และโฮจิฉะเย็น

Sourdough Croissant (6.50 SGD) เป็นครัวซองท์ที่ทำจากแป้ง Sourdough มาพร้อมกับซอสช็อคโกแล็ตเฮเซลนัตมาให้กินด้วยกัน ซึ่งเป็นเมนูพิเศษที่มีเฉพาะที่สาขา Foothills เท่านั้น มีความกรอบนอกนุ่มใน และจะหนึบ ๆ กว่าครัวซองท์ธรรมดา เข้ากันดีกับซอสช็อคโกแล็ตเฮเซลนัต แถมมีเม็ดอะไรกรอบ ๆ มาให้เคี้ยวเพลิน ๆ ด้วย ดีงามมาก

Salted Egg Brioche (5.90 SGD) Brioche (อ่านว่า บริ-อ๊อช) ไส้ไข่เค็ม อร่อยมากกก ไส้หอมไข่เค็ม รสไม่หวานมาก ไม่เค็มมากกำลังพอดี เนื้อขนมปังนุ่มชุ่มชื้นสุด

ลาเต้เย็น (8.90 SGD) หอม อร่อย เข้มข้นกำลังดี

โฮจิฉะเย็น (8.50 SGD) หอมกลิ่นโฮจิฉะมาก อร่อย เข้นข้นเช่นกัน

ความพิเศษอย่างนึงของสาขานี้คือมีครัวทำขนมอยู่ข้าง ๆ ให้เราไปส่องดูเขาทำขนมได้เลย (แอบส่องเข้าไป ครัวเขาสะอาดมาก)

ผู้จัดการก็เป็นกันเองสุด คอยดูแลตั้งแต่เดินเข้าร้าน คอยหาที่นั่งให้ กินอยู่ก็เดินมาถามไถ่ ที่ฮาคือ เราชมเขาไปว่าขนมอร่อยมาก เขาก็ตอบกลับมาว่า “ใคร ๆ ก็ว่างั้น ได้ยินทุกวันเลย”

ร้านนี้ไม่รับเงินสดนะครับ

⏰ เปิดทุกวัน 07:30 – 19:00

? ลง MRT สถานี Fort Canning เดินประมาณ 150 เมตร ร้านอยู่ในบริเวณของ Fort Canning Park

? พิกัด

Rasapura Master

ฟู้ดคอร์ตของห้าง The Shoppes at Marina Bay Sands เคยรีวิวแล้วที่ [Trip] ตามล่าลอดช่องสิงคโปร์ : วันที่ 2 และครั้งนี้ผมก็กินข้าวมันไก่อีกแล้ว แต่เหมือนว่าร้านที่เคยกินจะไม่อยู่แล้ว เลยได้ข้าวมันไก่ของอีกร้านมาแทน (จำชื่อร้านไม่ได้ แต่น่าจะคนละร้านนะ เพราะหน้าตาไก่ไม่เหมือนเดิม)

ข้าวมันไก่ ที่กินครั้งนี้หนังจะเหลือง ๆ หน่อย ไม่ขาวไสเหมือนครั้งที่แล้ว ส่วนรสชาติก็เฉย ๆ ไม่ได้ดีแต่ก็ไม่ได้แย่

ส่วนอีกจานคือ บะหมี่ ลูกชิ้นปลา ร้าน Li Xin Teochew Fishball Noodles ได้เส้นเยอะมาก เส้นหนานุ่ม แต่ทีเด็ดของร้านนี้คือลูกชิ้นปลา อร่อยมากกกก ไม่คาวปลา ลูกใหญ่เท่าลูกปิงปอง แถมน้ำซุปก็อร่อย เห็นใส ๆ งี้แต่รสชาติจัดเต็มมาก สมกับที่ร้านเปิดมานานตั้งแต่ปี 1968

จำราคาแต่ละเมนูไม่ได้ แต่รวมแล้ว 19.2 SGD

⏰ เปิดทุกวัน วันอาทิตย์ – พฤหัสเปิด 08:00 – 22:00
วันศุกร์ – เสาร์ หรือ วันก่อนวันหยุดราชการ เปิด 08:00 – 23:00 (อ้างอิง)

?การเดินทาง ลง MRT สถานี Bayfront แล้วออกทางที่ไป The Shoppes at Marina Bay Sands เดินตามชั้น B2 ไปทางทิศเหนือ (ทางเดียวกับที่ไป ArtScience Museum) ประมาณ 500 เมตร

? พิกัด

Shake Shack

ร้านแฮมเบอร์เกอร์ชื่อดังสัญชาติอเมริกันที่กำลังจะเข้ามาเปิดที่ไทยเร็ว ๆ นี้ ไหน ๆ ก็มีโอกาสเลยไปลองก่อนซะเลย สำหรับครั้งนี้สั่งเมนู N.Y. Steakhouse Burger, N.Y. Steakhouse Fries และ Guava Lemonade

สำหรับการสั่งอาหารที่ร้านนี้จะเป็นแบบบริการตัวเองโดยไปกดสั่งที่ตู้คีออสก์ จ่ายเงิน(ไม่รับเงินสดเช่นเคย) และสแกนเครื่องเรียกคิว จากนั้นไปหาที่นั่งรอเครื่องเรียกคิวสั่นได้เลย

N.Y. Steakhouse Burger (12.20 SGD) เป็นเมนูพิเศษที่ขายแค่ 2 เดือนเท่านั้น คือตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. – 31 ต.ค. 2565 เป็นแฮมเบอร์เกอร์เนื้อที่ใส่เห็ดแชมปิญองย่าง หอมใหญ่ทอด ชีส แล้วก็ราดด้วยซอสฮอร์สเรดิชผสมพริกไทยมาโย สำหรับผมเมนูนี้ก็ถือว่าโอเคอยู่นะ รสชาติกลาง ๆ กลมกล่อมไม่ได้เค็มเหมือนของ Burger King (ขออนุญาตเปรียบเทียบให้เห็นภาพ) ขนมปังนุ่มาก

N.Y. Steakhouse Fries (6.90 SGD) เมนูนี้ก็ขายแค่ 2 เดือนเช่นกัน เป็นเฟรนช์ฟรายชิ้นใหญ่ ราดด้วยซอสฮอร์สเรดิชผสมพริกไทยมาโย โรยด้วยเบคอนและต้นหอม เมนูนี้ก็ดี เฟรนช์ฟรายกรอบนอกนุ่มใน เข้ากันดีกับซอสและเบคอน

Guava Lemonade (4.30 SGD) น้ำฝรั่งผสมมะนาว เมนูนี้ก็ขายเฉพาะช่วงอีกเช่นกัน อร่อย สดชื่นมาก เหมาะกับการกินคู่กับแฮมเบอร์เกอร์และเฟรนช์ฟรายที่สุด

ร้าน Shake Shack ในสิงคโปร์มีทั้งหมด 9 สาขา (อ้างอิง)

⏰ สาขา Gardens by the Bay เปิดทุกวัน
วันจันทร์ – พฤหัส เปิด 10:30 – 21:00
วันศุกร์เปิด 10:30 – 21:30
วันเสาร์ – อาทิตย์ เปิด 09:30 ถึง 21:30

? การเดินทาง นั่งรถเมล์สาย 400 มาลงป้าย Gdns by the Bay เดินเข้ามาข้างในประมาณ 500 เมตร

? ล่าสุดสามารถ ลง MRT สถานี Gardens by the Bay ที่เพิ่งเปิดเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2565 แล้วเดินเข้ามาข้างในประมาณ 700 เมตร ร้านอยู่ใกล้ ๆ กับ Cloud Forest และ Flower Dome

? พิกัด

Eminent Frog Porridge

มาถึงสิงคโปร์ทั้งทีมีหรือจะไม่ลองเมนูโจ๊กกบ ซึ่งจากการหาข้อมูลก็เลือกร้านดังแห่งย่าน Geylang ร้านนี้ เพราะที่นี่เคยเป็นร้านแนะนำโดย Micheline เมื่อปี 2018

จริง ๆ ร้านนี้มีเมนูหลากหลายครับ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาหารจีน แต่ด้วยว่าก่อนที่จะมาร้านนี้เรากิน Shake Shack กันมาก่อน ประกอบกับในแผนที่วางไว้วันอื่นไม่มีช่องว่างให้แทรกแล้วก็เลยต้องไปวันนั้นเลย และมันก็ค่อนข้างดึกแล้วเลยสั่งแค่โจ๊กกบมากิน

สำหรับการสั่งอาหารก็ไม่ยากที่เมนูมีภาษาอังกฤษครับ แต่พนักงานพูดภาษาอังกฤษไม่ได้นี่สิ ก็ต้องจิ้ม ๆ เมนูเอา ตอนนั้นสั่ง โจ๊กเปล่าถ้วยเล็กที่ไม่เล็ก (2 SGD) แล้วก็ Frog with spring onion ซึ่งจะมี 3 ตัวเลือกให้เลือก คือ กบ 1 ตัว (8 SGD), กบ 2 ตัว(แถม 1 ตัว)(16 SGD) แล้วก็ กบ 4 ตัว (22 SGD) ซึ่งเราแค่อยากลอง เลยสั่งกบ 1 ตัวมา พนักงานก็พยายามบอกว่า เฮ้ย ไม่เอา 2 ตัวหรอ แถม 1 ตัวด้วยนะ แต่เราก็ยืนยันจะเอาแค่ 1 ตัว

สำหรับโจ๊ก ก็โจ๊กธรรมดาทั่วไป แต่ถ้วยใหญ่มากเลย ขนาดสั่งถ้วยเล็กสุดแล้วนะ

ส่วน Frog with spring onion มันคือกบอบหม้อดินกับซอสเข้มข้น ตัวซอสถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นซีอิ๊วดำ ส่วนเนื้อกบก็อร่อยดีครับ สัมผัสคล้าย ๆ เนื้อไก่+เนื้อปลา ถ้าพูดให้เห็นภาพมากขึ้นมันเป็นเนื้อปลาที่หนึบ ๆ ตอนกินก็พยายามไม่คิดถึงตอนมันยังมีชีวิตอยู่ คิดซะว่าที่กินเป็นน่องไก่เล็ก ๆ เอา เสียดายที่ตอนนั้นค่อนข้างอิ่มเลยกินได้แค่นั้น

⏰ เปิดทุกวัน 17:00 – 04:00

? ลง MRT สถานี Aljunied เดินอีก 700 เมตร ไม่ค่อยแนะนำให้มาตอนดึก ๆ เพราะแถวนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งอโคจรของสิงคโปร์ อะไรที่ผมไม่คิดว่าจะเจอในสิงคโปร์ก็ได้เจอแถวนี้ (ขยะ, ความสกปรก, ความไม่เป็นระเบียบ, รถที่ขับเร็ว เป็นต้น)

? พิกัด

Market Street Hawker Centre

ที่นี่เพิ่งเปิดใหม่วันที่ 5 เมษายน 2565 นี้เอง (อ้างอิง) แต่จริง ๆ ที่บริเวณนี้เคยมี Hawker Center มาตั้งแต่ปี 2527 ถึงปี 2560 แต่ต้องปิดไปเพราะตึกโดนทุบและกลับมาเปิดใหม่อีกครั้งเมื่อตึก CapitaSpring สร้างเสร็จ (ระหว่างที่รอตึกสร้างนั้น ได้ย้ายไปขายอยู่แถว ๆ ถนน Amoy ชั่วคราว)

ที่นี่มีร้านเยอะครับ (ที่นี่ บอกว่ามี 56 ร้าน) มื้อนี้เราเลือกกินบะหมี่เป็ดย่างและบะหมี่ลูกชิ้นปลา จำไม่ได้ว่าจานละเท่าไหร่ แต่รวมกันแล้ว 8.5 SGD นอกจากนี้ยังมีชาเย็นอีกด้วย

บะหมี่เป็ดย่าง จำไม่ได้ว่าซื้อร้านไหนจำได้แค่ว่าอยู่ชั้น 3 แต่เหมือนจะเป็นร้านดังเคยลงหนังสือพิมพ์ด้วย (เห็นเขาตัดมาแปะโชว์เต็มเลย) ให้เส้นเยอะมากกกก เป็ดนุ่มดีแถมให้เยอะด้วย น้ำราดรสชาติกำลังดี ไม่เค็มเกินไป น้ำซุปอร่อย

บะหมี่ลูกชิ้นปลา จำร้านไม่ได้เช่นเคย แต่อยู่ฝั่งขวา ๆ ของชั้น 2 ยกให้เป็น The Best ของบะหมี่ลูกชิ้นปลา(เท่าที่กินมาในทริปนี้) เส้นบะหมี่เหนียวนุ่ม ลูกชิ้นดีงามทั้ง 2 แบบ เกี๊ยวและน้ำซุปก็อร่อย ต้องมาลอง บอกเลย

ชาเย็น ร้าน Sunrise Traditional Coffee And Toast (น่าจะ 1.7 SGD) ร้านนี้คิวยาวมาก ตอนแรกก็สงสัยว่าเขาชงแก้วต่อแก้วหรอ แต่เปล่าเลยเขาชงไว้ก่อนแล้วพอเราสั่งเขาจะเอาไปปั่นกับน้ำแข็งให้นิดหน่อยให้มันเย็น (งงเลย สั่งเย็นทำไมเอาไปปั่น) แล้วตกลงว่าทำไมคิวยาวหว่า ส่วนรสชาติก็อร่อยดี ชาเข้มข้น หอม ไม่หวาน ราคาไม่แพง

ชอบที่นี่อย่างนึงคือ มันเป็น Hawker Centre แบบ Open Air แต่ไม่ร้อนเลยทั้ง ๆ ที่เปิดแค่พัดลม และอากาศข้างนอกร้อนอบอ้าวมาก

⏰ เวลาเปิดปิดแตกต่างกันตามแต่ละร้าน บางร้านเปิดตั้งแต่ 06:30 ถึง ปิดช่วงบ่าย ๆ ก็มี หรือบางร้านเปิดถึงเย็น ๆ ก็มีเช่นกัน ส่วนใหญ่จะปิด เสาร์-อาทิตย์ แต่ก็มีบางร้านที่เปิด จันทร์-เสาร์เลย

? การเดินทาง ลง MRT สถานี Raffles Place เดินอีกประมาณ 150 Market Street Hawker Centre อยู่ชั้น 2-3 ของตึก CapitaSpring

? พิกัด

Sourbombe Artisanal Bakery

ร้านโดนัทชื่อดังของ Genevieve Lee รองแชมป์ MasterChef Singapore ชื่อร้านมีที่มาจากคำว่า Sourdough + Bombolone = โดนัทมีไส้ที่ทำจากแป้ง Sourdough ที่เลือกไปร้านนี้เพราะดู คลิปนี้ แล้วเห็นว่าน่าอร่อยเลยไปตามรอย

ที่ร้านมีโดนัทหลากหลายไส้มาก ราคาแตกต่างกัน ซึ่งเราสามารถเลือกคละไส้ได้ กล่องมีขนาด 3 ชิ้น, 6 ชิ้น แล้วก็ 9 ชิ้น

ด้วยความที่มีไส้ให้เลือกเยอะมาก จะกินแค่ 3 ชิ้นก็ไม่น่าพอ จะเอา 9 ชิ้นก็เยอะเกินไป เราเลยเลือกกล่อง 6 ชิ้น แล้วก็เลือกไส้ดังนี้ Kahlua Coffee Pistachio, Dark Chocolate Hazelnut Praline, Blueberry Lemon & Thyme, Hojicha Caramel Crunch, Basque Burnt Cheesecake และ Blood Orange Bombe

Kahlua Coffee Pistachio (5.60 SGD) ใช้เหล้าคาลัวมาทำเป็นไส้ กินไปก็รู้สึกถึงความเป็นคาลัวจริง ๆ เข้ากันดีกับพิสทาชิโอ

Dark Chocolate Hazelnut Praline (5.60 SGD) กลิ่นเฮเซลนัทชัดมาก ช็อกโกแล็ตเข้มข้น ไม่หวาน

Blueberry Lemon & Thyme (4.80 SGD) ตัวครีมเลมอนหวานละมุน ๆ เปรี้ยวเบา ๆ ตัดกับรสของแยมบลูเบอร์รี่ และมีกลิ่นหอมของไธม์

Hojicha Caramel Crunch (4.80 SGD) ครีมโฮจิฉะเข้มข้น มาพร้อมกับคาราเมลครันช์กรุบกรอบเครี้ยวเพลิน

Basque Burnt Cheesecake (5.60 SGD) รสชาติเหมือนกันชีสเค้กหน้าไหม้เลย แต่รู้สึกว่าหวานไปนิดนึง

Blood Orange Bombe (5.60 SGD) ไส้ครีมวานิลลามาสคาโปนกับแยมส้ม เข้ากันดี รู้สึกสดชื่น

โดยรวมผมค่อนข้างโอเคกับรสชาติของขนมร้านนี้ที่ไม่หวานนะครับ แต่ราคาก็แอบแรงนิดนึงเหมือนกัน

⏰ สาขาดั้งเดิมเปิด อังคาร – อาทิตย์ 10:30 – 17:30 ปิดวันจันทร์

? การเดินทาง ลง MRT สถานี Dhoby Ghaut เดินข้ามถนน Penang Road ก็จะเจออาคาร 9 Penang Road ร้านนี้อยู่ที่ชั้น 2 ครับ (แวะซื้อก่อนที่จะไป Fort Canning Park Tree Tunnel ได้)

? พิกัด

ล่าสุด มีสาขาใหม่ที่ Jewel Changi Airport สาขานี้เปิดทุกวัน 11:00 ถึง 20:30

ภาพรวมของอาหารที่สิงคโปร์ ผมรู้สึกว่าจะออกเค็ม หวานน้อยมาก แม้กระทั่งของหวานก็ยังหวานน้อย และจะให้ในปริมาณที่เยอะโดยเฉพาะข้าวกับเส้น เอาจริงมันเป็นขนาดที่อิ่มกำลังดีไม่ต้องเบิ้ลอีกจาน

สำหรับการรีวิวการเที่ยวสิงคโปร์ในครั้งนี้ก็ขอจบลงเพียงเท่านี้ พบกันใหม่โอกาสหน้านะครับ

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.