[Trip] กระบี่ : กระบี่ไร้เทียมทาน

สวัสดีครับ กลับมาแล้วครับ หายไปนานมากกกก

เมื่อต้นเดือนเมษา (5-7) ไปเที่ยวมาครับ

ไปไม่ไกลหรอกครับ แค่ กระบี่ เอง (946 กิโลเมตร)

(เปิดเพลงนี้ไปด้วย เพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่าน)

ทริปนี้ มีสมาชิกรวมผม ก็ 6 คนครับ เป็นทริปเล็ก ๆ

เราเลือกที่จะเดิอนทางโดยรถทัวร์ครับ เราใช้บริการ ลิกไนต์ทัวร์ เพราะ บขส. รอบสุดท้าย 18.30 น. (ถ้าจำไม่ผิด) แต่มีเพื่อนคนนึงเลิกงานทุ่มนึง เราเลยต้องเลือกลิกไนต์ทัวร์ ที่ดึกสุด 20.50 น. ครับ

คืนวันที่ 4 เมษา เราก็ขึ้นรถกันที่สายใต้ใหม่ครับ

รถของลิกไนต์ทัวร์ดีที่เบาะกว้างมากครับ นั่งสบายดี

รถออกค่อนข้างตรงเวลาครับ (ไม่เหมือนรถทัวร์แถวบ้านเลย T^T)

ออกจากสายใต้ใหม่ได้ไม่นาน ก็แวะเติมน้ำมัน ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนานนนนนนน

ระหว่างเดินทาง เขาก็เปิดหนังให้ดูด้วยครับ คราวนี้เปิดเรื่อง Red Dawn ให้ดู ก็ดูเพลิน ๆ ดีครับ

 

ตัดภาพมาที่ บขส. กระบี่ เวลาประมาณ 9-10 โมง วันที่ 5 เมษา

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 13 ชั่วโมง เราก็มาถึงจุดหมายของเราแล้วครับ

จากนั้น เราก็เดินทางไปหาอาหารเช้ากินกัน

ในเมื่อเรามาภาคใต้แล้ว…อาหารเช้า เราก็ต้องกิน….ติ่มซำ

เราก็ให้พี่นนท์ คนขับรถตู้ พาไปเลยครับ ร้านไหนที่พี่ว่าอร่อย ก็ไปร้านนั้นเลย

ไปถึงร้านแรก…ปิดแล้วครับ สงสัยจะขายดีจนของหมด เห็นเข่งวางเต็มหน้าร้านเลย

พี่บอกว่าทุกครั้งจะพาลูกค้ามาแวะกินร้านนี้ แต่เรามาถึงกันสาย ของเลยหมดก่อน อดเลย

เลยขับรถต่อไปอีกนิด ก็เจออีกร้านนึง คนเยอะใช้ได้ พี่นนท์ก็บอกว่า ร้านนี้ก็อร่อยพอ ๆ กัน เราก็เลยแวะกินร้านนี้

ชื่อร้าน แป๊ะยิ้มติ่มซำ ครับ

ราคาก็…ติ่มซำเข่งละ 15 บาท มีให้เลือกเยอะเลยล่ะ มีอาหารอย่างอื่นให้เลือกกินกันด้วย เช่น ไข่กระทะ เป็นต้น

เลือกกันเพลิน ๆ รวมทั้งสิ้น 20 เข่งได้ (รึเปล่าวะ ลืมแล้ว แต่น่าจะประมาณนี้)

เมื่อเติมพลังกันแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปที่ สระมรกต ที่ อ.คลองท่อม (อีกนิดเดียวก็ออกตรังแล้ว)

มาถึงสระมรกต เนื่องจากเป็นช่วงปิดเทอม คนเลยค่อนข้างเยอะ

จากจุดจอดรถ เดินเข้าไปข้างในประมาณ 1400 เมตร

เดินชมธรรมชาติเพลิน ๆ ก็มาถึงสระมรกต สีน้ำเหมือนสระว่ายน้ำเลย ที่สำคัญคนเยอะมากกกก

เราก็เดินไปดู สระน้ำผุด กันก่อน เดินต่อไปอีก 800 เมตร

น้ำใสมากกกกก เวลาปรบมือ จะมีฟองบุ๋ง ๆ ขึ้นมาจากก้นสระด้วย

หลังจากถ่ายรูปกันหนำใจแล้ว เราก็กลับมาเล่นน้ำที่สระมรกตกันครับ

น้ำไม่ลึกมาก ประมาณอกผมได้ แต่เหมือนจะขุ่น ๆ หน่อย เพราะคนลงเล่นเยอะ

เล่นน้ำกันพอแล้ว เราก็ไปต่อกันที่ น้ำตกร้อน

แต่ก่อนที่จะไปที่ตัวน้ำตก เราแวะกินข้าวเที่ยง (ตอนบ่าย 3 ) กันก่อน

มาเที่ยวทะเลทั้งที เราต้องกิน…ตำไทย คอหมูย่าง – –

เสียเวลารอพอสมควร

จากนั้นก็เดินมาที่น้ำตกร้อน คนไม่ค่อยเยอะเท่าที่สระมรกต แต่ถ้าเทียบกับขนาดน้ำตกแล้ว ก็ถือว่าเยอะล่ะน่ะ

น้ำตกร้อน มีอุณหภูมิประมาณ 45 องศา (จากป้ายแถวนั้น)

ดูท่าจะถูกใจผู้สูงอายุรักสุขภาพ ลงแช่แล้วก็บอกว่าเลือดลมเดินดีงั้นงี้

แต่เราก็ได้แต่เอาเท้าลงไปจุ่ม ๆ ให้ลงไปแช่ไม่ไหวหรอก

แต่เห็นบางคนลงไปแช่อยู่ตั้งนาน เขาไม่ร้อนบ้างเลยรึไง – –

ข้างบนคนเยอะ เลยลงมาถ่ายรูปที่ข้างล่างบ้าง (ลุงนี่ก็ ไม่ยอมออกสักที)

จากนั้นเราก็รีบไปที่ วัดถ้ำเสือ เพื่อไปไฟท์กับบันได 1237 ขั้น

แต่…พี่นนท์บอกว่า ถ้าจะขึ้นไป จะใช้เวลารวมตอนลงด้วย ประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งตอนนั้นก็ประมาณ 5 โมงแล้ว ยังไงก็ไม่ทันแน่นอน เราเลยเลือกที่จะไม่ขึ้นไป

เลยถ่ายรูปเล่นข้างล่างแทน

โดยที่วัดถ้ำเสือ จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน (อันนี้แบ่งเอง จากที่เห็น)

ก็คือ ส่วนวัดจีน

ซึ่งข้างในมีโบสถ์ (เรียกงี้ได้มั้ยอ่ะ) เจ้าแม่กวนอิมอยู่

และส่วนที่เป็นวัดไทย

และที่สำคัญ…ลิงป่า (ในเว็บของวัดว่างั้น) เยอะมาก

จากนั้น เราก็เข้าที่พัก

โดยครั้งนี้เราพักกันที่ Orange Tree Hosue อ่าวนาง (ตอนแรกเพื่อนจะจอง Orange Tree House ที่อยู่ในเมือง แต่มันเต็ม เขาเลยให้มาพักที่นี่แทน)

อยู่ใกล้ ๆ กับหาดนพรัตน์ธารา คนไม่ค่อยพลุกพล่าน เงียบสงบดี มีสระว่ายน้ำด้วย

หลังจากเราอาบน้ำกันเสร็จ เราก็เข้าไปหาอะไรกินกันในตัวเมือง โดยทางที่พักมีรถรับส่งครับ

เราก็ไปเดินถนนคนเดินของกระบี่กัน

มีของกินเยอะแยะครับ ก็ซื้อของกินเล่นจุบจิบ

ตรงแยกมนุษย์โบราณ (เป็นรูปปั้นมนุษย์โบราณตัวใหญ่ ๆ อยู่ที่เสาไฟจราจร) มีร้านโรตีร้านหนึ่ง คนเยอะมากกกกก

ตอนแรกกะว่าจะกิน แต่คนเยอะเกิน ไม่ได้นั่งสักที เลยต้องล้มเลิก กลับที่พัก

ตัดภาพไปที่เช้าวันที่ 6 เมษา

วันนี้เรากะออกจากที่พัก 8 โมงครึ่ง เราเลยต้องตื่นเช้ากันหน่อย (มันก็เวลาตื่นไปทำงานนั่นแหละว้า)

ก็มานั่งกินข้าวเช้าที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ให้ ก็คือ อเมริกันเบรกฟาสท์ นี่แหละครับ

จากนั้น เราก็ไปขึ้นเรือกันที่ หาดนพรัตน์ธารา

คนเยอะมากครับ เนื่องจากเป็นช่วงหยุดยาว (ย้ำบ่อยเหลือเกินว่าคนเยอะ)

วันนี้ฟ้าไม่ค่อยสดใสเท่าไร แล้วได้ยินมาว่า เมื่อวานที่ตรังฝนตกด้วย ลุ้น ๆ อยู่ว่าอย่าให้ฝนตกเลย

จุดหมายแรกที่เราจะไปก็คือ เกาะห้อง

แต่ก่อนที่เราจะไปที่ชายหาด เรามาแวะที่ลากูนกันก่อน (เรียกอีกชื่อว่า อ่าวห้อง เพราะมีลักษณะเหมือนเป็นห้อง มีทางเข้าออก ทางเดียว)

น้ำใสมากกกกก ไม่ลึกด้วย

พอเราเล่นน้ำกันพอใจแล้ว เราก็ออกมาที่หาดของเกาะห้อง เรียกว่า อ่าวบิเละ โดยหาดจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนจอดเรือ กับ ส่วนให้คนเล่นน้ำ

ตรงส่วนจอดเรือ ก็จะมีเรือจอดเรียงรายเต็มเลย

ตรงส่วนที่ให้คนเล่นน้ำ สามารถดำดูประการังน้ำตื้นได้ ทรายละเอียดดี ปลาเยอะด้วย

จากนั้น เราไปกันที่ เกาะผักเบี้ย เป็นเกาะเล็ก ๆ ครับ ก่อนที่เราจะลงเล่นน้ำ เราก็กินข้าวเที่ยงกันก่อน

มื้อนี้กินข้าวเหนียว ไก่ทอดครับ แต่ไม่ธรรมดาครับ เพราะเรากินกันบนเรือเลยทีเดียว

กินเสร็จ เราก็นั่งเรือต่ออีกนิดนึง มาบริเวณสันทรายของเกาะผักเบี้ยครับ เนื่องจากน้ำค่อนข้างแรง ไม่สามารถเดินข้ามได้เอง ต้องนั่งเรือ

เราก็ถ่ายรูปเล่นกันนิดหน่อย

แล้วก็มาต่อที่ เกาะเหลาลาดิง หรืออีกชื่อคือ เกาะพาราไดซ์

คนไม่ค่อยเยอะเท่าไร เราก็ถ่ายรูปเล่นบ้าบอ เล่นน้ำนิดหน่อย แล้วเราก็กลับครับ

ไม่อยากกลับเย็นมาก เพราะพี่หลี คนขับเรือ (จนจะจบวัน เพิ่งจะมาแนะนำ) บอกว่า ยิ่งกลับเย็น ลมจะยิ่งแรง คลื่นจะยิ่งสูง

แต่แค่นี้ ก็โต้คลื่นกันมันส์แล้วครับ

ถึงที่พัก เราก็อาบน้ำอาบท่า แล้วไปหาข้าวเย็นกิน

คราวนี้เรามากินใกล้ ๆ ที่พัก โดยพี่ลีเจ้าของที่ักแนะนำร้าน ครัวอ่าวนาง ให้

จากชื่อ ก็พอเดาได้ว่าร้านอยู่บริเวณอ่าวนาง

เป็นร้านอาหารติดทะเลเลยครับ บรรยากาศดี เพลงเพราะ ที่สำคัญคนไม่ค่อยเยอะ (เพราะเข้ามาลึกมากกก)

ลูกค้าที่ร้านส่วนใหญ่จะเป็นฝรั่งครับ

คือตอนแรกให้เพื่อนเดินไปหาร้านก่อน ผมกับเพื่อนอีกคนจะถ่ายรูปดวงอาทิตย์ตกกันก่อน เดี๋ยวตามไป

พอเดินไปถึงร้านปุ๊บ พนักงานชี้โต๊ะเพื่อนให้เลย ไม่ต้องบอกเลยทีเดียว

นั่ง ๆ กินกันอยู่ ก็มีแต่ฝรั่งมานั่งกิน ไม่เห็นมีคนไทย

อาหารก็อร่อยดีครับ ปรุงได้จัดจ้านแบบที่คนไทยกินเลย (ไม่รู้ว่าถ้าฝรั่งสั่ง จะปรุงแบบนี้ให้รึเปล่า)

ทีเด็ดคือ…ข้าวผัดทะเล จานละ 700 ครับ

เยอะมาก สงสัยเขาเห็นว่ามากันเยอะ เลยเอาจานใหญ่มาให้

กินอิ่มพอดี กุ้งหอยปูปลาเยอะสมราคา 700 อยู่

(มัวแต่กิน ไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้เลย)

อ้อ…ข้อดีอีกอย่างของร้านนี้คือ อาหารได้ไว และมาพร้อม ๆ กันครับ ไม่ต้องรอนาน

ได้ยินมาว่า อาหารฝรั่งร้านนี้ถูกครับ เพราะฝรั่งที่มาเที่ยวเมืองไทย เขาไม่สั่งอาหารบ้านเขากินหรอก เขาก็สั่งอาหารไทยนี่แหละ

จากนั้น เราก็ไปหาโรตีกิน แก้อยากที่เมื่อวานไม่ได้กิน

ก็ไปเจอร้านนึง คนต่อคิวพอสมควร

เราก็ไปสะดุดกับเมนู โรตีมะม่วง

เอาวะ ไหน ๆ ก็มาแล้ว ขอลองดูหน่อยละกัน

ระหว่างรอ ก็ดูเขาทอด เหมือนแป้งเขาจะบาง เลยทอดแปปเดียวเอง แต่ก็กรอบนะ

สั่งไป 3 แผ่น มะม่วง, กล้วยหอม ช็อกโกแล็ต แล้วก็ Nutella

ก็อร่อยดีครับ โดยเฉพาะโรตีมะม่วงนี่แหละ คือมะม่วงมันอร่อยแหละ โรตีเลยอร่อย

จากนั้นเราก็กลับที่พัก นอน…

วันสุดท้ายยยยย 6 เมษา

วันนี้เรารีบตื่นเร็วกว่าเมื่อวาน เพื่อว่าจะได้รีบออก

แต่มาช้าที่อาหารเช้านี่แหละครับ

อาหารเช้าก็เหมือนเมื่อวาน แต่ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ช้า

กินเสร็จ เราก็ไปขึ้นเรือที่หาดนพรัตน์ธาราที่เดิม

วันนี้ เราเริ่มกันที่ หาดไร่เลย์ ครับ

คนเยอะอีกแล้ว แต่อาจจะยังเช้าอยู่ คนเลยยังไม่ค่อยเยอะเท่าไร

ที่หาดไร่เลย์นี่ ฝรั่งเยอะครับ เราไม่ได้ลงเล่นน้ำ แค่ถ่ายรูปเล่นกันนิด ๆ หน่อย

จากนั้นเราก็ไปกันที่ อ่าวพระนาง

ที่นี่ คนเยอะมากกกก เยอะกว่าเมื่อวานอีก

โดยเฉพาะตรงบริเวณถ้ำ คนยิ่งเยอะครับ

ที่นี่มีที่ปีนผาด้วย อยากลองปีนเหมือนกัน แต่ไม่มีเวลา

ขากลับ เห็นเรือซุปเปอร์มาเก็ตด้วย แต่ไม่ได้แวะซื้อ (เห็นใน pantip เขาบอกว่าข้าวโพดปิ้งอร่อย)

จากนั้น…เราไปที่ เกาะปอดะ ครับ

ก่อนอื่นเลย…กินข้าวเที่ยงกันก่อน

อาหารวันนี้ เหมือนเมื่อวานครับ ไม่รู้จะกินอะไร ก็เอาอันนี้แหละครับ ง่ายดี

แต่คราวนี้ เราลงไปปูเสื่อกินบนชายหาดแทน

กินเสร็จ ก็ถ่ายรูปเล่นตามประสา

พอใจแล้วก็ไปต่อที่ เกาะไก่

ตรงนี้เป็นจุดดำน้ำตื้นครับ

ปลา ปะการังเยอะพอสมควร

หอยเม่นเยอะด้วย

ดำกันนานพอสมควร เราก็ไปต่อกันที่ ทะเลแหวก

คนเยอะโคตรรรรร

เราก็เดิน ๆๆๆ ฝ่าฝูงชนไปเรื่อย ๆ อยากขึ้นไปเก็บภาพมุมสูงจากข้างบน แต่เห็นกรุ๊ปทัวร์เดินขึ้นไปก่อน เลยตัดใจ

ถ่ายรูปบ้าบอข้างล่างก็พอแล้ว

ถ่ายเสร็จ ก็รีบให้พี่หลีพาแว้นกลับ

พี่ก็แว้นเรือหางยาวซะพวกเราเปียกกันทั้งตัวเลยทีเดียว

ก็รีบอาบน้ำกันครับ เนื่องจากเราเช็คเอาท์ไปแล้ว แต่เราจะต้องกลับเย็นนี้เลย พี่ลีเจ้าของที่พักเลยเหลือไว้ให้เราห้องนึง ให้เราไว้ใช้อาบน้ำ

6 คนเลยต้องรีบอาบน้ำ ภายในเวลาจำกัด เพื่อให้ทันรถ

5 โมงเย็น เราก็รีบออกจากที่พักของเรา ไปที่ บขส. กระบี่ เพื่อขึ้นรถรอบ 5 โมงครึ่ง

ถึง บขส. ประมาณ 5 โมง 20 ก็ขึ้นรถกลับ กทม.

แต่รถขากลับเป็นรถของ บขส. รู้สึกว่าเบาะ กับที่ว่างตรงขาจะแคบกว่าของลิกไนต์ทัวร์ พอสมควรเลย ทั้ง ๆ ที่ราคาก็พอ ๆ กัน

แต่ดีอย่าง คือรถมาจอดที่ หมอชิต เลย (มีตัวบอกความเร็วรถให้ผู้โดยสารดูด้วย)

ก็มาถึงหมอชิตประมาณตี 5 ครึ่ง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 12 ชั่วโมง

สิ่งที่ได้จากทริปนี้…หลังไหม้เป็นรอยเสื้อกล้ามครับ จนตอนนี้ ผ่านไปจะเดือนนึงแล้ว มันยังเป็นรอยอยู่เลย แม้ว่าหนังจะลอกหมดแล้วก็ตาม

แล้ว…ก็ยังได้ฝึกใช้กล้อง NEX-5R อย่างจริงจังด้วย (แต่รู้สึกยัง Process ภาพออกมายังไม่ดี ออกโทนมืดซะส่วนใหญ่ T^T)

จริง ๆ ถ่ายรูปคนมากกว่าวิวซะอีก แต่ไม่อยากลง กลัวนางแบบเขิน

แค่นี้ล่ะครับ ขอบคุณที่อ่านมาซะยืดยาว

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.