[Trip] เลยไปเลย : โหด มันส์ ฮา (วันที่ 4 : เชียงคาน เมืองเลย หนองหิน)

ก็มาถึง Entry สุดท้ายของ Trip นี้ซะที

เริ่มที่วันนี้ (2 ธ.ค.) ตื่นนอนตั้งแต่ตี 5 เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูทอก

โดยเราได้เหมารถพาเที่ยว 2 คัน

สำหรับการเหมารถเที่ยวที่เชียงคานนี้ สามารถติดต่อกับโรงแรมที่พักได้ ราคาเดียวกันหมดทุกที่คือ คนละ 100 บาท

คือผู้ให้บริการรถพาเที่ยวแถวนี้เขาตกลงกันให้คิดราคานี้ ไม่มีต่ำกว่า หรือสูงกว่านี้

ถ้าเป็นรถกระบะ ราคานี้ เขาจะพาไป 3 ที่คือ ภูทอก วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน แล้วก็แก่งคุดคู้

แต่ถ้าเป็นรถสามล้อ ราคานี้พาไปแค่ภูทอกที่เดียว (รถที่เราติดต่อไปเขาว่างั้น)

พอตี 5 ครึ่ง รถเขาก็มาจอดรออยู่หน้าที่พัก

ฟ้ายังมืดอยู่เลย อากาศหนาวเบา ๆ ไม่สู้อยู่บนภูหลวง

มาถึงตีนภูทอก ฟ้าเริ่มสว่างขึ้น

การจะขึ้นภูทอก เราไม่สามารถเอารถขึ้นไปเองได้ จะต้องขึ้นรถที่ให้บริการตรงนั้น ซึ่งเป็นของชาวบ้านแถวนั้นนั่นแหละ

ค่าขึ้นภูทอก คนละ 25 บาท (เราไม่ต้องจ่ายเพิ่ม รถที่เราจ้างมาเขาจ่ายให้ เพราะเราไม่ได้ไปวัดภูควายเงิน แต่ถ้าเราไป เราต้องจ่ายค่าขึ้นเอง)

ขึ้นไปถึงบนยอดภูทอก ก็มีนักท่องเที่ยวมาก่อนบ้างแล้ว

บนภูทอก ด้านนึงดูทะเลหมอก อีกด้านดูพระอาทิตย์ขึ้น

ก็เดินวน ๆ แถวนั้นกับ วี และ ก้อง 2 รอบได้กว่าพระอาทิตย์จะขึ้น (มันแคบ ๆ เอง เดินไม่เท่าไรก็ครบรอบแล้ว)

กว่าพระอาทิตย์จะขึ้น ก็มีนักท่องเที่ยวขึ้นมาเต็มเลย

ตรวจดูตำแหน่งพระอาทิตย์
ทะเลหมอก
พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น
พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว
อีกสักรูป
รวมกับป้าย

การลงจากภูทอก ก็ขึ้นรถที่เขาขึ้นมาส่งนักท่องเที่ยวลงไป

ขึ้นคันไหนก็ได้

ขาลงผมได้นั่งรถสองแถวลง เลยไปก็ท้ายรถสัมผัสลมเย็น ๆ ยามเช้า และโหนรถถ่ายวิวระหว่างทาง

วิวระหว่างทาง

เสียวมือถือหลุดมือมาก ๆ

พอลงมาตีนภูทอกแล้ว เราก็ไปต่อกันที่แก่งคุดคู้

เรามาถึงกันเช้าเกิน ร้านค้าต่าง ๆ แถวนั้นยังไม่ค่อยเปิดกัน

แล้วก็ไม่ใช่ฤดูแล้ง ทำให้ไม่เห็นเกาะแก่งกลางน้ำโขง

แก่งคุดคู้

แก่งคุดคู้ ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเชียงคานเลยก็ว่าได้

แต่ก่อนผมมาเที่ยวเชียงคาน ก็มาแต่แก่งคุดคู้ ไม่เคยไปเดินถนนริมโขงเลย จนมันมาดังถึงได้ไปเดิน

ภาพบังคับต้องถ่ายลงข้างล่าง แต่อันนี้ถ่ายขึ้น
ถ้าน้ำแห้ง สามารถลงไปเดินเล่นชายหาดข้างล่างได้
รวม ริม โขง
เจอไดโนเสาร์ด้วย

ขากลับ คนขับรถพาแวะซื้อของฝาก

ของฝากจากเชียงคานที่ขึ้นชื่อจริง ๆ ก็คือ มะพร้าวแก้ว

มีทั้งแบบแห้ง ๆ กับแบบนุ่ม

แบบนุ่มอร่อยมาก ๆ แต่เก็บไว้ได้ไม่นาน ไม่เหมือนแบบแห้งที่เก็บได้นานโคตร

เพื่อน ๆ ก็ซื้อกลับไปฝากคนละถุง 2 ถุง

กลับมาถึงที่พัก ก็กินอาหารเช้ากัน โดยโรงแรมนี้จะให้กินได้ 2 ร้านคือร้านสเต็กที่อยู่ข้าง ๆ กับ ร้านเกาเหลาตรงข้ามโรงแรม

หลังจากกินข้าวกันเสร็จก็อาบน้ำ แล้วก็ไปเดินเที่ยวกันอีกรอบ รอเวลาเช็คเอาท์ 11 โมง

คราวนี้ก็มาเก็บจุดบังคับที่เมื่อคืนยังไม่ได้ถ่ายรูป

ใครมาเชียงคานแล้วไม่ถ่ายกับป้ายนี้ ถือว่ามาไม่ถึงเชียงคาน
กำแพงซอย 14 เล็งไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว

บรรยากาศเชียงคานตอนเช้า ๆ ก็ดีเหมือนกัน

แต่ร้านค้าต่าง ๆ ยังไม่ค่อยเปิด ส่วนใหญ่จะเปิดขายตอนเย็น มีบางร้านที่เปิดแล้ว

ร้านค้าเก่า ๆ
เก่าดี ชอบ ๆ

บรรยากาศต่างจากตอนกลางคืนจริง ๆ

ประตูร้านที่ยังไม่เปิด ก็เหมาะกับถ่ายรูปเช่นกัน

ประตูร้าน เฮือนเวียงฟ้า
เด็กแถวนั้น

เดินเล่น+ ซื้อเสื้อสักพักก็กลับไปเช็คเอาท์ที่โรงแรม

จากนั้นก็เดินขึ้นไปถนน รอรถสองแถวเข้าเมือง

รอสักพัก รถไม่มาซะที เลยไปคุยกับร้านค้าแถวนั้น ถามหาที่จอดรถสองแถว จะไปเหมารถมา แต่เขาบอกว่ารถผ่านมาบ่อยอยู่ ไม่นานเดี๋ยวก็มา

ก็เลยรอต่อประมาณ 5 นาที ยังไม่มาซะที เลยโบกสามล้อไปที่ที่จอดรถสองแถวกับบาส

ค่ารถสามล้อ 20 บาทเอง

ไปถึง ถามรถที่จอดรอผู้โดยสารอยู่ได้ความว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะออก โน้วววว

พี่สามล้อก็เลยพาไปถามเจ้าของรถอีกคันที่จอดรออยู่

ตอนแรกลุงบอกเหมา 650 บาท

ตกคนละ 34 บาทกว่า จากปกติก็คนละ 35 บาท

เลยขอต่อลุง ด้วยภาษาเลย พูดไม่เป็น แต่ก็ต้องพูด เพื่อให้ลุงลดให้

ลุงเลยลดให้เหลือ 600 บาท ขอบคุณลุงมาก ๆ ขอบคุณพี่สามล้อด้วย ที่พามาคุยกับลุง

ก็นั่งรถไปรับเพื่อน ๆ ที่รออยู่ปากซอย 9

รถเลย - เชียงคาน

ระหว่างที่นั่งรถ ก็มีคนโบกรถเยอะพอสมควร แต่ลุงก็ไม่จอดรับ เพราะเราเหมามาเลย

ลุงก็ขับเอื่อย ๆ เรื่อย ๆ มา

อากาศดี ๆ ลมเย็น ๆ นั่งดูข้างทางชิลล์ ๆ

นั่งไปก็นึกถึงตอนเรียน รด. ไป

เพราะตอนเรียน รด. ก็นั่งรถแบบนี้ แล้วก็ใช้เส้นทางนี้ มาเรียน

พอถึงแถวค่ายทหาร ก็ชี้ให้เพื่อนดูภูเขา 2-3 ลูก ที่ได้เดินอ้อมตอนภาคสนามปี 2

เดินไปได้ยังไงหว่า ตั้งแต่เช้า ถึงเย็น

มาถึง บขส. เลย ก็โทรให้พ่อมารับ

แล้วก็ส่งเพื่อน ๆ กินข้าวที่ปั๊ม ปตท. นาอาน ส่วนผมกับหมอ เม่น ก็เอาของไปเก็บที่บ้าน

เก็บของเสร็จก็กลับมารับเพื่อน ๆ ไปเที่ยวต่อ

ที่ที่จะไปเที่ยวต่อไปก็คือ สวนหินผางาม หรือ คุนหมิงเมืองไทย อยู่ อำเภอหนองหิน

การนั่งรถกระบะคราวนี้สบายขึ้นหน่อย เพราะไม่มีสัมภาระอยู่ เลยนั่งกันง่ายขึ้น

แต่ตอนขึ้นเขา ก็เล่นเอาเครื่องร้อนจนสัมผัสได้กันเลยทีเดียว

มาถึงก็จ่ายค่าเข้าชมคนละ 10 บาท แล้วก็ค่ารถคนละ 15 บาท

โดยรถที่เรานั่งก็คือ…

รถอีแต๋น

นั่งสักพักก็ถึงจุดจอดรถ

จากนั้นไกด์ก็พาเดินขึ้นไปข้างบน

เดินมาก็เยอะ ไม่เคยปวดขา แต่มาเดินขึ้นที่นี่ไม่เท่าไร ก็ปวดขาซะแล้ว

แถมไกด์ยังกวนตีนอีก

ไกด์ : รู้มั้ยครับ ว่านี่คือหินอะไร

ทุกคน : … ไม่รู้ครับ

ไกด์ : หินข้างทาง

ทุกคน : !?!

พอขึ้นถึงจุดชมวิว ก็ถ่ายรูปกัน

หินรูปเต่า (เล็ก ๆ ตรงกลาง)
อีกมุม
รวม ณ จุดชมวิว

ถ่ายรูปกันหนำใจแล้ว ก็เดินลงจากจุดชมวิว กะว่าจะไปต่อ

แต่ไกด์เพิ่งมาบอกว่า จะมืดแล้ว ไปต่อไม่ได้ = =

แล้วทำไมไม่รีบบอกก่อนลงมาล่ะคร้าบบบบบ

จำเป็นจะต้องกลับ

ก็นั่งรถอีแต๋นกลับทางเดิมที่มา

กลับมาถึงก็ถ่ายรูปป้ายข้างหน้ากันซะหน่อย

(มันยังไม่เอารูปลง = =)

จากนั้น พ่อก็พาไปเที่ยวน้ำตกเพียงดิน ที่อยู่ด้านหลังต่อ

เป็นน้ำตกเล็ก ๆ ไม่ใหญ่มาก

เดินลงไปไม่เท่าไรก็หมดแล้ว

วันนี้ไม่มีคนเลย มีแต่พวกเรามาเที่ยว

น้ำตกเพียงดิน
เหมือนจะสูง

5 โมงเย็นแล้ว เราก็รีบกลับกัน

เนื่องจากลืมเอาเสื้อกันหนาวกันมา ตอนกลับมืดแล้ว อากาศเลยค่อนข้างหนาว

แต่ก็นั่งเบียดกันคงจะอุ่นขึ้น

มีคนบอกว่า คราวนี้ เป็นการนั่งที่ลงตัวที่สุด เพิ่งค้นพบว่าลงตัวตอนนั่งครั้งสุดท้ายนี่แหละ

มาถึงเมืองเลย ก็ไปแวะเอาปอเปี๊ยทอดที่บ้านเพื่อนพ่อแม่ ที่ไปสั่งทำไว้ 50 อัน

แล้วก็แวะซื้อมันหมูที่ตลาดเย็น

กลับมาถึงบ้าน ก็มีปาร์ตี้หมูกระทะ + ปอเปี๊ยะทอดกัน

แต่แต่ละคนก็ต้องรีบกินกันเดี๋ยวไม่มีเวลาอาบน้ำก่อนขึ้นรถทัวร์กลับกรุงเทพรอบ 21.10

กว่าทุกคนจะเรียบร้อยก็ 3 ทุ่มพอดี ก็รีบเอาของขึ้นรถ

แล้วก็ไปส่งเพื่อน ๆ ที่ บขส. คาดว่าเลทนิดหน่อย แต่ไม่เกิน 5 นาที

ทุก ๆ คนบนรถกำลังรอพวกเรา

ไม่รอได้ไง ตั้ง 17 ที่นั่ง เกินครึ่งรถเลยนะนั่น

ก็เป็นอันจบ…สำหรับทริป เลยไปเลย ในคราวนี้

สุดท้าย….

ขอบคุณ…บาส หนุกดี หัวหน้าผู้ก่อตั้งทริป “เลยไปเลย” ในครั้งนี้

ขอบคุณ…เพื่อน ๆ ร่วมทริปอีก 17 คน แจ็ค เม่น ปรินซ์ หมอ อาร์ท ก้อง วี อั้ม เบนซ์ บุ๋ม เจ๊บี เดียร์ ออม เจ็ง ปอ ซันนี่ มด ที่มาร่วมสร้างประสบการณ์สนุก ๆ คราวนี้

ขอบคุณ…เจ้าหน้าที่ภูหลวง ที่ให้เราโหวดเหวกโวยวายบนภู

ขอบคุณ…คนขับรถรับจ้างที่ภูเรือ ที่พาเราซิ่งไปนู่นมานี่ โดยเราไม่ได้บาดเจ็บ

ขอบคุณ…ลุงต้อย เจ้าของภูเรือรีสอร์ท ที่ลดค่าที่พักให้เรา

ขอบคุณ…โรงแรมพูลสวัสดิ์ ที่ยอมให้เราเข้าพักได้เกิน

และสุดท้าย ขอบคุณ…พ่อ และแม่ ที่ดูแลเพื่อน ๆ เป็นอย่างดี

หวังว่าเราคงมีโอกาสได้ไปเที่ยวด้วยกันแบบนี้อีก…

สวัสดี

ปล.ขอบคุณเพื่อน ๆ เจ้าของภาพด้วยนะคร้าบ…

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.