การเดินทางวันที่ 2 (30 พ.ย.)
เริ่มที่ตื่นนอนกันตี 5 เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้น
เจ้าหน้าที่เขานัดไว้หน้าที่ทำการ 5.40
แต่กว่าเราจะมากันก็เกือบ 6 โมง
อากาศหนาวมาก ๆ
พอมากันครบ ก็ออกเดินทางไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ ผาช้างผ่าน
ระหว่างทาง ผ่านสถานีทวนสัญญาณของช่อง 7 แถวนั้นมีกระต่ายป่าด้วย
แต่มืดเกินเลยถ่ายรูปไม่ได้
พอเกือบถึงผาช้างผ่าน ฟ้าก็เริ่มสว่างแล้ว แต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น
รอไม่นาน พระอาทิตย์ก็ขึ้น
เนื่องจากวันนั้นมีเมฆเยอะมาก เลยมีโอกาสดูพระอาทิตย์ขึ้นแค่ช่องนิดเดียว
หลังจากถ่ายรูปกันหนำใจแล้ว เราก็เดินทางกันไปผาสมเด็จต่อ
เดิน ๆ ไป อยู่ดี ๆ ก็มีหมอกลงจัด
เราเลยได้เดินกันท่ามกลางหมอก
พอไปถึงผาสมเด็จ…อารมณ์เหมือนยืนอยู่บนเมฆ
มองลงไปไม่เห็นอะไรเลย นอกจากเมฆหมอก
หมอกเยอะมากกกก จนตอนถ่ายรูปรวมกัน มีคนบอกว่า ไปถ่ายกับกำแพงบ้านก็ได้นะ เพราะมันมองไม่เห็นอะไรเลย
แต่เราก็รอให้หมอกหาย
เราจะเห็นวิวข้างล่างเฉพาะตอนที่ลมพัดหมอกไปเท่านั้น
เป็นอะไรที่สวยมาก ๆ
จากนั้นเราก็เดินกลับทางเก่า
แล้วก็เจอกับน้องกระต่ายป่าที่สถานีทวนสัญญาณ
เดินมาอีกสักพักก็เจออาร์ทที่กำลังเล่นกับกระสุนพระอินทร์อยู่
แล้วเราก็มากินอาหารเช้ากัน
อาหารเช้าวันนี้คือ แซนวิสทูน่า + โอวัลติน
โควต้า ขนมปังคนละ 3 แผ่น ทูน่าตักไม่อั้น แยม แล้วก็โอวัลตินคนละแก้ว
อร่อยดี
จากนั้นก็ไปเก็บของ รอรถมารับ
คราวนี้เราก็เหมารถเที่ยวจากภูเรือให้ขึ้นมารับ
เป็นรถสองแถว เหมามา 2 คัน
ปกติถ้าวิ่งอยู่แต่ในภูเรือ – ด่านซ้าย เขาคิดคันละ 2500 แต่นี่เราให้เขามารับบนภูหลวงด้วย เขาเลยบวกเพิ่มคันละ 1500 เป็น 4000 บาท
แต่ใช้สิทธิ์ของการเป็นน้องพี่หวาย (คนแนะนำ) เลยได้ลดคันละ 1000 บาท เหลือแค่ 3000 บาท
พอเก็บของเสร็จ รถก็มาพอดี
ขากลับนี่นั่งสบาย ไม่เหมือนตอนขึ้นมา…
แต่คนขับก็ขับซิ่งพอสมควร
พอลงจากภูหลวงแล้ว เขาก็พาเราไปเที่ยว วัดป่าห้วยลาด
หลังจากเราไหว้พระกันเสร็จ เราก็ไปเที่ยวต่อกันที่สวนลุงวุฒิ
สวนลุงวุฒิมีดอกไม้หลากหลายชนิด สวย ๆ แปลก ๆ เยอะ
ที่นี่รับจัดสวนด้วย ใครสนใจลองไปติดต่อดู
จากนั้นเราก็เข้ารีสอร์ท เอาของไปเก็บ
ซึ่งรีสอร์ทที่เราไปพักคือ ภูเรือรีสอร์ท
ตอนแรกไม่คิดว่าจะเอาที่นี่ เนื่องจากค่อนข้างแพง
เลยติดต่อเพื่อนที่บ้านมันทำรีสอร์ทอยู่ภูเรือ (ตอนที่บาสโทรมาเรื่องรีสอร์ทที่ภูเรือ ตอนนั้นกำลังเที่ยวภูเรืออยู่กับเพื่อนคนนั้น)
ก็ตกลงราคา ไปดูห้องอะไรกันแล้วเรียบร้อย
ระหว่างนั้นก็พยายามติดต่อเจ้าของภูเรือรีสอร์ทดู ชื่อลุงต้อย เพราะเขาเป็นเพื่อนบ้านมาเป็นสิบ ๆ ปี (ตั้งแต่สมัยยาย) เผื่อเขาจะลดมั่ง
ติดต่อยากมาก เพราะโทรศัพท์ลุงต้อยหาย โทรเข้ารีสอร์ท ลุงต้อยก็ไม่อยู่ไปคุมเขาสร้างรีสอร์ทใหม่ที่เชียงคาน ไปหาข้างบ้าน ก็ไม่เข้ามา
เกือบตัดใจแล้ว
แต่สุดท้าย ลุงต้อยก็ให้โทรไปคุยกับลูกสาว ชื่อพี่หวาย (คนที่แนะนำรถเช่า)
พี่หวายก็สนิทกันพอสมควร เพราะตอนเด็ก ๆ ก็เล่นกับพี่หวาย กับพี่ตุลย์ พี่ต้อง (น้องพี่หวาย) นี่แหละ
พี่หวายก็ลดให้พอสมควร (เยอะเลยแหละ)
เลยตกลงพักที่นี่แหละ
พอเก็บของเสร็จ ก็ได้เวลากินข้าวเที่ยงกันพอดี
เลยบอกให้คนขับรถพาแวะกินข้าวเที่ยงที่ร้าน ภูเรือไก่ย่าง
เคยมากินกับพ่อแม่ อร่อยดี อยากให้เพื่อน ๆ ได้กินมั่ง เลยพาแวะ
กิน ๆ กันอยู่ ก็โทรหาเจ
ก็คุย + เกรียนกันพอสมควร
อยากจะบอกเจว่า ที่ได้ยินเสียงเล่นสามก๊กอ่ะ วีมันเกรียน ไม่ได้เล่นกันจริง ๆ
พักเติมพลังกันเสร็จ เราก็ออกเดินทางเที่ยวต่อ
ที่ที่เราจะไปเที่ยวต่อคือ น้ำตกปลาบ่า
ไม่มีคนเลยแฮะ
น้ำใส ไหลเย็น แต่ไม่เห็นตัวปลา
น้ำใส ไหลเย็น จนมีบางคนแอบลงเล่นน้ำด้วยแหละ (หึหึ)
แล้วเราก็ไปต่อกันที่สวนดอกไม้ ที.เอส.เอ
อยู่นี่เน้นไปที่ไม้ดอก เยอะมากกก
เหมาะแก่การถ่ายรูป
มีฟักทองยักษ์ด้วย ลูกใหญ่มาก ๆ (แต่เอามากิน จะอร่อยรึเปล่า อันนี้ไม่รู้)
ที่ด้านหลังมีสวนทานตะวันด้วย
จากนั้นเราก็เดินทางกันต่อ
คราวนี้ออกไปอำเภอด่านซ้าย
ที่แรกที่แวะคือ วัดเนรมิตวิปัสนา
เสียดายว่าวันนี้เขามีงานบวชกัน เลยไม่ได้เข้าไปถ่ายรูปในโบสถ์
และเมื่อมาถึงเมืองเลยแล้ว ไม่ไปไหว้พระธาตุศรีสองรักษ์ ก็ถือว่ามาไม่ถึงเมืองเลย
พระธาตุศรีสองรัก ถือว่าเป็นพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองเลยก็ว่าได้
ศักดิ์สิทธิ์มาก ๆ ใครมาขอ หรือบนอะไร จะได้ดังที่หวังกันทั้งนั้น
ที่สำคัญ ใครบน หรือขออะไรไว้จะต้องกลับมาแก้บน หรือกลับมาบอกว่าสิ่งที่ขอไปนั้นได้หรือไม่
สำหรับคนที่จะมาสักการะนั้น มีข้อห้ามคือ ห้ามใส่เสื้อแดง และห้ามนุ่งสั้น
การมาไหว้พระธาตุในครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นการไหว้พระธาตุครั้งที่ 2 ภายใน 1 อาทิตย์
ครั้งแรกมากับเพื่อน ที่มาแก้บน
มาคราวนี้ก็ได้เสี่ยงเซียมซีด้วย
ได้เซียมซีหมายเลข 1 ดีเวอร์ ๆ ไม่มีอะไรไม่ดีเลย ขอให้ชีวิตจริงมันดีอย่างนั้นด้วยเถิดดดด สาธุ !!!
จากนั้นเราก็รีบกลับมาที่ อำเภอภูเรือ
เพื่อขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกที่ยอดภูเรือ
กว่าเราจะออกจากด่านซ้ายก็ 5 โมงเย็นแล้ว
คนขับเลยรีบขับเพื่อไปให้ทัน
เร้าใจมาก เหยียบเต็มที่จริง ๆ อ่ะ เข้าโค้งแทบไม่เหยียบเบรกกันเลยทีเดียว
ถึงจุดจอดรถก่อนขึ้นยอดภูทันดูพระอาทิตย์ตกพอดี
จากนั้นก็กลับเข้าที่พัก
กินข้าวเย็นกันที่รีสอร์ท เสียดายระเบียงข้างนอกมีงาน เราเลยได้มากินกันในห้อง VIP แทน
แต่ได้ยินเสียงเพลงข้างนอกเต็มที่
หลังจากกินเสร็จ ก็กลับมาที่ห้อง
แล้วเราก็มีกิจกรรมกลุ่มอีกเช่นเคย
แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มนึงไพ่เช็ค (จริง ๆ ชื่ออะไรไม่รู้ แต่เราเรียกกันแบบนี้) กับอีกกลุ่ม สามก๊ก
ภาพข้างบนนี้มีคนบอกให้ถ่าย แล้วอัพลงเฟซบุ๊ก เพื่อเป็นการบอกว่า พวกกูเอาสามก๊กมานะ
จริง ๆ ที่ภาคมี สามก๊ก 2 ชุด แต่…มันเอามากันทั้ง 2 ชุด ไม่เหลือให้คนอื่นเล่นกันเลยทีเดียว (มาถึงแล้วค่อยรู้ว่าเอามา 2 = =)
เนื่องจากที่พักบนภูหลวงไม่มีปลั๊กให้ชาร์จแบทกัน วันนี้เลยชาร์จกันแบบจัดหนัก
คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว ว่ารูปลั๊กอยู่ที่พักคงไม่พอแน่นอน ไหนจะมือถือ ไหนจะแบทกล้อง เลยบอกให้เพื่อนที่เข้าม. เอารางปลั๊กมาด้วย
เพื่อนเลยจัดมาให้ 2 อันเลย…
กว่าจะเลิกเล่นกันก็เที่ยงคืน
เราก็ออกไปดูดาวกัน ฟ้าเปิด ดาวสวยมาก
ดูดาว เราไม่ดูเปล่า ๆ เราใช้ App google sky map ในการระบุตำแหน่งดาวด้วย
ดูดาวกันสักพัก แล้วเราก็เข้านอนกัน
ไว้ต่อกัน Entry หน้าครับ
ปล. Entry หน้าจะพาไปเที่ยวเชียงคาน
ปล.2 ขอบคุณภาพประกอบจากเหล่าชาวทริปอีกเช่นเคย