[Trip] หัวหิน หลังสงกรานต์

เมื่อวันที่ 18-19 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปเที่ยวหัวหินมาครับ เลยจะมาเล่าให้ฟัง

บอกเลยว่าทริปนี้ตัดสินใจเลือกวันไปเที่ยวค่อนข้างผิด กะว่าไปเที่ยวหลังหยุดยาวคนน่าจะน้อย ไม่วุ่นวาย

ใช่ครับ…คนน้อยจริงครับ แต่ร้านส่วนใหญ่ก็ปิดเพื่อพักผ่อน ใช้เงินหลังลุยศึกหนักช่วงสงกรานต์

ก่อนไปก็ทำการบ้านเล็งไว้หลายร้านเลย แต่พอไปถึง…ปิดเกือบหมดครับ เปิดอีกทีวันที่ 20 (ร้องไห้หนักมาก)

สำหรับการรีวิวครั้งนี้ ก็จะขอแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ก็คือ

  1. ที่พัก
  2. ที่กิน

ที่พัก

Sundance Dayclub

สาเหตุที่เลือกที่นี่คือ ได้โจทย์มาเบื้องต้นว่าไปเที่ยวทะเลก็อยากได้ที่พักติดทะเล และความต้องการส่วนตัวคือ อยากได้ห้องที่มีอ่างอาบน้ำ, มีสระว่ายน้ำ และราคาสมเหตุสมผล ซึ่งที่นี่ตอบโจทย์ที่ต้องการทุกข้อครับ (แต่ที่นี่ไม่มีชายหาดให้ลงนะครับ)

ที่นี่มีห้องหลายแบบให้เลือกครับ แต่เราเลือกห้องแบบ Sunkiss Petite for Two ราคาเริ่มต้นคืนละ 3,580 บาท รวมอาหารเช้า

ตัวห้องพัก บอกเลยว่า ไม่ค่อยเหมาะกับการมาเที่ยวกับเพื่อนเท่าไหร่ เพราะส่วนอาบน้ำมีแค่ผ้าม่านกั้น 2 ฝั่ง มันก็จะเขิน ๆ หน่อย (ตอนอาบน้ำหนาวมาก แอร์เป่าลงตรงนั้นพอดี)

และมีอ่างอาบน้ำอยู่กลางห้องเลย ใช่ครับ อยู่กลางห้อง ไม่มีอะไรกั้นเลย สามารถแช่น้ำไป ดู Netflix ไปเพลิน ๆ หรือจะตีฟองถ่ายรูปลงโซเชียลเน็ตเวิร์คชิค ๆ ก็ได้ครับ (ถ้าใครไม่ได้เตรียมสบู่ หรือ Bath bomb มา ที่นี่เขาก็มีบริการนะครับ ลูกละ 200 บาท)

ส่วนห้องส้วมก็อยู่ข้าง ๆ อ่างล้างหน้า มีประตูล็อกครับ

นอกจากห้องพัก ที่นี่ยังมีร้านอาหาร, บาร์ และคาเฟ่อีกด้วย

ร้านอาหารของที่นี่ชื่อ Sunrise Thai Seafood ครับ บรรยากาศดีมาก (ไม่ได้กินอาหารของที่นี่ เลยขอข้ามการรีวิวอาหาร แต่ขอแปะ เมนูอาหาร, เมนูเครื่องดื่ม ให้ดูกันแทนนะครับ)

ส่วนบาร์ชื่อ Sunset Pool Bar ดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ (มีทั้งเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และไม่มีแอลกอฮอล์) แช่น้ำชิล ๆ ฟังเพลงชิค ๆ จาก DJ ที่มามิกซ์เพลงสด ๆ ดือดีย์ (เมนูอาหาร, เมนูเครื่องดื่ม)

สระว่ายน้ำที่นี่เป็นสระน้ำเค็มนะครับ ตอนเช้ามาถ่ายรูปมีฉากหลังเป็นทะเลและพระอาทิตย์ที่เพิ่งขึ้นเป็นไข่แดง พร้อมแสงสีทอง สวยมาก…ถ้าไม่ขี้เกียจตื่นเช้านะครับ

สำหรับคนที่ไม่ได้พักที่นี่ก็เข้ามาใช้บริการได้ แต่มีค่าบริการนะครับ ตามข้างล่างนี้ครับ

โซน Sunrise สำหรับแขกที่เข้าพัก สามารถเข้าโซนนี้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
สำหรับแขกที่ใช้บริการ มีค่าบริการ 500 บาทต่อท่าน สำหรับโซนในร่ม (ลงสระว่ายน้ำไม่ได้) และ 1,000 บาทต่อท่าน สำหรับโซนริมสระ (สามารถลงสระว่ายน้ำได้)
โซน Sunset มีค่าบริการดังนี้
ซันเซ็ต วีไอพี (6 ท่าน) ราคา 16,000 และ 20,000 บาท
เดย์เบด (4 ท่าน) ราคา 5,500 และ 6,500 บาท
โซฟา 1 เซ็ต (2 ท่าน) ราคา 2,900 และ 3,500 บาท
โซฟา 1 เซ็ต (3 ท่าน) ราคา 4,350 และ 4,700 บาท
ปิกนิกแพด (1 ท่าน) ราคา 800 บาท (แขกของโรงแรมใช้บริการฟรี)

(ขอยกข้อความมาจากเพจ Routeen. โพสท์นี้ นะครับ)

และคาเฟ่ชื่อ Sundance Lounge เป็นเรือนกระจก ตั้งอยู่ระหว่างร่มของต้นจามจุรีใหญ่ หันหน้าเข้าทะเล เท่มาก เสียดายที่นี่เปิดแค่ วันศุกร์-อาทิตย์ เลยอดเข้าไปเลย (เมนู)

มาต่อกันที่อาหารเช้า จะเสิร์ฟให้คนละชุด แต่สลัดบาร์, ขนมปัง, ผลไม้ และขนมหวานจะเป็นบุฟเฟต์ ซึ่งอาหารเราสามารถเลือกได้ว่าจะกินอะไร เพื่อความรวดเร็วและได้อาหารที่ปรุงเสร็จใหม่ ๆ ที่นี่เขาจะให้เราสั่งล่วงหน้าทางออนไลน์ครับ (หรือจะสั่งตอนที่ไปถึงก็ได้ แต่อาจจะรอนานกว่าหน่อย) โดยเขาจะมีคิวอาร์โค้ดของแต่ละห้องให้สแกน โดยเราจะต้องกรอกข้อมูลต่อไปนี้

  • ระบุเวลาที่จะเข้าไปกินโดยประมาณ
  • กาแฟที่อยากกิน (เอสเปรสโซ่, อเมริกาโน, คาปูชิโน และลาเต้) และเลือกด้วยว่าจะเอาแบบร้อนหรือเย็น
  • อาหารเลือกได้จากเมนูเหล่านี้ ข้าวต้ม, ข้าวต้มแห้งทะเล, Classic American Breakfast, Eggs Benedict, ก๋วยจั๊บญวน และโจ๊กหมู
  • พิเศษสำหรับ Classic American Breakfast สามารถเลือกได้ว่าจะเอาไข่ดาว, ไข่เจียว, ไข่คน หรือ ไข่ดาวน้ำ

เราเลือกเป็น Classic American Breakfast + ไข่ดาว และ ก๋วยจั๊บญวนครับ

สำหรับ Classic American Breakfast ประกอบด้วย Baked Bean (ถั่วอบซอสมะเขือเทศ), มันฝรั่งทอด, เบคอนทอด, ไส้กรอกทอด, มะเขือเทศย่าง และไข่ดาวที่ไข่แดงไม่สุก (สามารถใส่คอมเมนต์เพิ่มเติมตอนสั่งได้นะครับ แต่เราลองไม่ใส่ดู อยากรู้ว่า Default ของที่นี่จะได้ไข่แบบไหน) อ้อลืม…ได้เรดิชฝานบาง ๆ มาอีกชิ้นนึง พร้อมด้วยต้นอ่อนทานตะวันอีก 3-4 ต้น

ทุกอย่างก็มาตรฐานทั่วไป แต่ Baked Bean นี่เพิ่งเคยกินครั้งแรก มันเป็นถั่วขาวมัน ๆ อยู่ในซอสมะเขือเทศแบบเจือจาง ไม่เปรี้ยวมาก ไว้กินตัดเลี่ยนได้ดี

ส่วน ก๋วยจั๊บญวน เสิร์ฟคู่กับไข่ต้ม 1 ฟองหั่นซีก รสชาติจะเบา ๆ เหมาะสำหรับมื้อเช้าที่ท้องว่าง ๆ

กาแฟ เราสั่งลาเต้เย็น กับ คาปูชิโน่เย็น เป็นกาแฟสด ชงให้ตอนนั้นเลย น่าจะคั่วกลาง เข้มกำลังพอดี ไม่เปรี้ยว

โซนขนมปัง มีเนยให้เลือกทั้งแบบจืดและแบบเค็ม แต่แยมมีแค่แยมสตรอว์เบอร์รี่ ไม่มีแยมส้ม (เสียใจ)

ของหวานเป็นวุ้นกะทิมะพร้าว ไม่หวานมาก หอมกลิ่นมะพร้าวน้ำหอม และกะทิข้างบนก็เค็มกำลังดี

ผลไม้ มีแตงโม กับแคนตาลูป หวาน หอมทุกชิ้น ไม่เจอชิ้นที่แข็งจืดเลย

สุดท้ายคือโซนน้ำ มีน้ำส้ม, น้ำแอปเปิ้ล และน้ำเปล่าให้เลือก

สำหรับโซนสลัดบาร์ ไม่ได้กิน ขอข้ามนะครับ

โดยรวมที่นี่เป็นที่พักที่สวย เงียบ สงบ เหมาะกับการมาพักผ่อน แถมมีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูปไปอัปลงโซเชียลเน็ตเวิร์คเยอะมาก

⏰ เช็คอิน 14:00 (สามารถมาเช็คอินได้ก่อน ถ้ามีห้องว่าง สามารถเข้าได้เลย) เช็คเอาต์ก่อน 12:00

ร้านอาหารและบาร์เปิดทุกวัน อาทิตย์ – พฤหัสบดี 12:00-22:00 ศุกร์-เสาร์ 12:00 – 23:00

📍 พิกัด

ที่กิน

นำชัยเกี๊ยวปลา

ร้านเก่าแก่ที่เปิดมาเกือบ 50 ปี จุดเด่นของที่นี่คือพวกเกี๊ยวปลา, เส้นปลา, ลูกชิ้นปลา และปลาแผ่น(ฮือก้วย) ที่ทำเองจากปลาอินทรีย์ ไม่มีแป้ง และทำวันต่อวัน จึงมีความสด ใหม่ และไม่มีกลิ่นคาว

ในครั้งนี้เราสั่งมา 2 เมนูคือ เส้นปลาน้ำ และ เย็นตาโฟเส้นปลา

เส้นปลาน้ำ (80 บาท) น้ำซุปเค็ม ๆ นัว ๆ (นึกถึงซุปของบะหมี่ที่สิงคโปร์เลย) เส้นปลาเหนียวหนึบ เครื่องแน่น ลูกชิ้นปลาไม่คาว เกี๊ยวปลาแป้งห่อหนึบ ไส้ปลาล้วน ไม่มีหมูผสม ทุกอย่างกลมกล่อม แต่จะมีปลาแผ่นที่เค็มกว่าเพื่อนหน่อย

เย็นตาโฟเส้นปลา (80 บาท) ซุปเค็มนำเหมือนกับเส้นปลาน้ำ แต่จะมีรสเปรี้ยวตาม ไม่หวาน เผ็ดนิดนึง กลิ่นเต้าหู้ยี้ชัด

ใครไม่ชอบพวกลูกชิ้นปลา, เกี๊ยวปลา, ปลาแผ่น หรือเส้นปลา เพราะกลิ่นคาว ก็ยังมีลูกชิ้นหมู, เกี๊ยวหมู หรือหมูแดงก็มีครับ แต่อยากให้ลองเปิดใจชิมของร้านนี้ดูครับ

อ้อ…ร้านนี้ไม่ได้มีแต่เส้นปลานะครับ ยังมีเส้นเล็ก, เส้นใหญ่, เส้นหมี่ และเส้นบะหมี่ด้วย

⏰ เปิดทุกวัน 07:30-14:00 (ตอนเที่ยงคนเยอะมาก)

📍 พิกัด

ป้าสาวซีฟู้ด

รูปจาก : https://www.wongnai.com/photos/da700122d9964ba3a59f1ac88705ac6e

มาเที่ยวทะเลทั้งที มีหรือที่จะพลาดกินอาหารทะเล

สำหรับร้านนี้ เราสั่งไปทั้งหมด 5 เมนู ได้แก่ ข้าวผัดปู, หอยเชลล์ทรงเครื่อง, หอยหวานเผา, ยำไข่แมงดา และกั้งกระดานทอดกระเทียม

ข้าวผัดปูจานเล็ก (100 บาท) ข้าวร่วน เค็มกำลังดี หอมไข่ เนื้อปูสด หวาน เยอะ แต่ใส่น้ำมันเยอะไปนิดนึง

หอยเชลล์ทรงเครื่อง (200 บาท) หอยสด เต่ง กระเทียมเจียวเยอะแบบจุก ๆ ใช้มาการีนในการย่าง

หอยหวานเผา (200 บาท) เนื้อแน่น หนึบ ตัวโต

ยำไข่แมงดา (380 บาท) น้ำยำเปรี้ยวนำ เค็มตาม กลมกล่อม ไม่จัดจ้าน ไข่เม็ดใหญ่ กินคู่กับเม็ดมะม่วงหิมพานต์เพิ่มความมัน

กั้งกระดานทอดกระเทียม (350 บาท) สด ตัวใหญ่ เนื้อแน่น ทำมาสุกกำลังดี กระเทียมเจียวเยอะเช่นเคย

น้ำจิ้มซีฟู้ด เปรี้ยวนำเค็มตาม กลมกล่อม ไม่เปรี้ยวโดด

กระเทียมเทียมเจียวเลิฟเวอร์น่าจะฟิน

⏰ เปิดทุกวัน 10:00-19:00

📍 พิกัด

Nib Sugar

ร้าน Chocolate Specialty น้องใหม่ของหัวหิน ที่เพิ่งเปิดเมื่อปลายปี 2565 นี่เอง

ร้านนี้เจอโดยบังเอิญระหว่างเดินจากร้านนำชัยเกี๊ยวปลาไปหาของหวานกินต่อ แต่ร้านของหวานปิด เลยเดินย้อนมาที่ร้านนี้

ที่นี่มีโกโก้หลายสายพันธุ์ให้เลือกครับ ส่วนใหญ่เป็นโกโก้ที่ปลูกในไทย (สนับสนุนเกษตรกรไทย) ซึ่งการที่ปลูกในพื้นที่ที่แตกต่างกัน และวิธีในการหมักของผู้ผลิตแต่ละเจ้าไม่เหมือนกัน ทำให้รสชาติและกลิ่นที่ได้แตกต่างกัน แต่จะมีสิ่งหนึ่งที่โกโก้ไทยมีความคล้ายกันคือ มันจะออกเปรี้ยว

วันที่เราไปมีสายพันธุ์ โคราช, ระยอง, สุรินทร์, เชียงราย และ Ghana (เสียดายวันนั้นสายพันธุ์ ป่าละอู ของประจวบคีรีขันธ์ หมด)

เราเลือกมา 2 สายพันธุ์คือ Ghana และ ระยอง

Ghana เย็น Dark 80% (100 บาท) กลิ่นออกถั่ว ๆ มัน ละมุน หวานนิดนึง กินง่าย

ระยองเย็น Dark 100% (120 บาท) เปรี้ยว มีความเป็นผลไม้ ขมปลาย กินยากกว่า Ghana หน่อย

(เปอร์เซ็นความ Dark คือการบอกถึงความสัดส่วนของโกโก้ ยิ่งตัวเลขเยอะยิ่งเข้มข้น ยิ่งขม เพราะมีการผสมอย่างอื่นเช่น นม หรือน้ำตาลน้อย)

เมนูเย็นทางร้านจะใส่น้ำแข็งก้อนใหญ่มาให้ 1 ก้อน ทำให้เราได้รสชาติของโกโก้เต็ม ๆ ไม่มีน้ำละลายมาเจือจาง

นอกจากเครื่องดื่มก็ยังมีขนมที่ทำจากโกโก้อีกด้วย แต่สำหรับคนที่ไม่กินโกโก้ ที่ร้านก็มีพวกชา หรือโซดาให้เลือกแทน

เปิดโลกดีเหมือนกันครับ อยากให้มาลองดู แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะเลือกไม่ถูก ได้โกโก้ที่ไม่ถูกปาก เพราะเขาจะให้เราชิมก่อน แถมแนะนำดีมาก

⏰ เปิดทุกวัน 10:00-19:00

📍 พิกัด

สำหรับการรีวิวในครั้งนี้ก็จบลงเพียงเท่านี้ครับ ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย อากาศร้อนเกิน แถมจะไปไหนก็ร้านปิด เลยถือซะว่ามาเปลี่ยนที่นอนละกันครับ

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.